เอเอฟพี - ฟิเดล คาสโตร อดีตผู้นำปฏิวัติสังคมนิยมคิวบา มีอายุครบ 90 ปี ในวันนี้ (13 ส.ค.) ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้คิวบาในปัจจุบันแตกต่างอย่างมากจากยุคสมัยที่เขาเคยปกครอง
แม้จะเป็นวีรบุรุษและเผด็จการในสายตาใครหลายคน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ฟิเดล คาสโตร คือ บุรุษผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งในประวัติศาสตร์โลกยุคใหม่
คาสโตร ปกครองคิวบาอยู่เป็นเวลานานถึง 48 ปี เห็นการเปลี่ยนตัวผู้นำในสหรัฐฯ มาถึง 10 คน ทว่า ในช่วง 1 ทศวรรษหลังที่เขาถอยให้น้องชาย “ราอูล คาสโตร” ขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแทนนั้น คิวบาได้กลับกลายเป็นโลกใหม่ที่ไม่ถือว่าสหรัฐฯ คือ ศัตรูอย่างเป็นทางการอีกต่อไป
ย้อนหลังไปเมื่อเกือบ 60 ปีที่แล้ว คาสโตร ในวัย 32 ปี ได้นำกองกำลังกบฏขับไล่รัฐบาลของผู้นำเผด็จการ ฟุลเกนเซียว บาติสตา และเปลี่ยนคิวบาเป็นรัฐสังคมนิยมในปี 1959
ภาพของนักปฏิวัติหนุ่มที่นำกองกำลังยาตราทัพลงจากภูเขาพร้อมปืนไรเฟิลในมือ กลายเป็นภาพจำของบรรดาผู้ที่ชื่นชมในตัว คาสโตร ทว่า นโยบายแบบคอมมิวนิสต์และการปราบปรามผู้ต่อต้านอย่างรุนแรงของเขาก็ทำให้สหรัฐฯ และมหาอำนาจตะวันตกไม่พอใจ
คาสโตร เคยออกมากล่าวสุนทรพจน์ผ่านสื่อครั้งละหลายชั่วโมง แต่ทุกวันนี้ชาวคิวบาแทบไม่มีโอกาสได้ยินเสียงของเขา แม้จะยังมีใบหน้าผู้นำอาวุโสปรากฏอยู่ตามป้ายบิลบอร์ดทั่วประเทศก็ตาม
รัฐบาลคิวบาไม่มีกำหนดการเฉลิมฉลองวันเกิดให้แก่อดีตผู้นำรายนี้ และแม้แต่ ประธานาธิบดี ราอูล คาสโตร เองก็ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวเงียบ ๆ ที่บ้าน
อย่างไรก็ตาม ทั้งผู้ที่สนับสนุนและเกลียดชัง คาสโตร ต่างตระหนักถึงความสำคัญของวันนี้ ส่วนพันธมิตรในภูมิภาคอย่างประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา ก็ออกมากล่าวแล้วว่า “พวกเราจะฉลองวันเกิดอายุ 90 ปี ให้กับชายผู้ไม่มีวันตาย”
ฟิเดล คาสโตร เริ่มหายหน้าไปจากสื่อสาธารณะในปี 2006 เนื่องจากสุขภาพไม่เอื้ออำนวย และได้ส่งมอบตำแหน่งประธานาธิบดีให้แก่ ราอูล ผู้เป็นน้องในปี 2008
อย่างไรก็ดี ฟิเดล “ยังคงมีอิทธิพลทางอ้อมต่อผู้นำในรัฐบาลคิวบาบางคนที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายปฏิรูปของ ราอูล” เควิน คาซาส-ซาโมรา อาจารย์จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ระบุ
ข้อตกลงฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่าง ราอูล คาสโตร กับประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาเมื่อเดือน ธ.ค. ปี 2014 ส่งผลให้ความหมางเมินระหว่างเพื่อนบ้านทั้งสองชาติสิ้นสุดลง