เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้ (8 ต.ค.) ตำรวจเยอรมันส่งตำรวจคอมมานโดชุดใหญ่ออกตามไล่ล่าผู้ลี้ภัยเกิดในซีเรียวัย 22 ปี จาเบอร์ อัลบัคร์ (Jaber Albakr) ที่เชื่อว่า มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้าย IS หลังจากพบสารวัตถุระเบิดเยอรมันปิดเมืองล่าตัว “ลี้ภัยชายซีเรียเชื่อม IS ล่องหน” หลังพบระเบิด TATP ซุกอพาร์ตเมนต์ วางแผนโจมตีสนามบิน ส่ง “แมร์เคิล” เยือน 3 ชาติแอฟริกาครั้งแรก ภายในอพาร์ตเมนต์ในเมืองเคมนิตซ์ (Chemnitz) ทางตะวันออกของเยอรมัน ซึ่งเชื่อว่า มีแผนโจมตีสนามบินเยอรมัน โดยมีผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้ถูกจับไปแล้ว 3 ราย เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่นายกรัฐมนตรีหญิงเยอรมัน อังเกลา แมร์เคิล เยือน 3 ชาติแอฟริกาเป็นครั้งแรกในวันอาทิตย์ (9 ต.ค.) เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตผู้อพยพเข้าเยอรมัน
เดลิเมล สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้ (9 ต.ค.) ว่า ผู้ลี้ภัยชายวัย 22 ปี จากกรุงดามัสกัส จาเบอร์ อัลบัคร์ (Jaber Albakr) ถูกปิดเมืองไล่ล่าในวันเสาร์ (8 ต.ค.) หลังจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเยอรมันได้บุกค้นอพาร์ตเมนต์ของเขาในเมืองเคมนิตซ์ (Chemnitz) ทางตะวันออก และพบวัตถุระเบิดจำนวนหนึ่งภายในที่พัก และเชื่อว่า มีการวางแผนเพื่อโจมตีท่าอากาศยานของเยอรมัน
ซึ่งมาจนถึงทุกวันนี้อัลบัคร์ที่ทางสื่อเยอรมัน รายงานว่า มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้าย IS นั้นยังคงหายตัว และมีคนจำนวน 3 คนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ถูกควบคุมตัว ซึ่ง 2 คนจากทั้งหมดนั้นรู้จักผู้อพยพซีเรียรายนี้
อย่างไรก็ตาม สำหรับการรายงานอ้างความเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้าย IS นั้น ยังไม่ได้รับการยืนยันจากทางเจ้าหน้าที่เยอรมัน
เดลิเมลรายงานต่อว่า นอกจากนี้ ผู้ต้องสงสัยรายที่ 3 ได้ถูกตำรวจสอบปากคำบริเวณสถานีรถไฟเมืองเคมนิตซ์ ซึ่งหน่วยเก็บกู้ระเบิดเยอรมันส่งเจ้าหน้าที่หุ่นยนต์กู้ระเบิด ได้นำกระเป๋าเดินทางสีแดงต้องสงสัยออกไปจากบริเวณชานชาลาสำเร็จ
สื่ออังกฤษระบุว่า เป็นที่เข้าใจว่า ผู้อพยพชาวซีเรียวัย 22 ปีรายนี้ ถูกทางการเยอรมันจับตาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และมีรายงานว่า วัตถุระเบิดที่ถูกค้นพบภายในอพาร์ตเมนต์ของอัลบัคร์ พบว่า มีส่วนประกอบของ TATP ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกันกับที่ทางกลุ่มก่อการร้าย IS ใช้ในการทำระเบิดฆ่าตัวตายที่ถูกใช้โดยกลุ่มผู้ปฏิบัติงานในการโจมตีปารีสเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2015
ด้าน ทอม เบิร์นฮาร์ดต์ (Tom Bernhardt) โฆษกตำรวจแซกโซนี (Saxony) กล่าวผ่านแถลงการณ์ถึงหลักฐานระเบิดที่ถูกค้นพบภายในอพาร์ตเมนต์ของผู้ต้องสงสัยซีเรียที่อยู่ในระหว่างการหลบหนี ว่า มีสารประกอบระเบิดถูกค้นพบหลังจากตำรวจเยอรมันได้บุกเข้าค้นอพาทเมนต์ในเวลา 19.00 น.
และยังเปิดเผยว่า เป็นสิ่งที่ไม่ได้ทิ้งไว้บนโต๊ะห้องครัวอย่างเปิดเผย แต่เป็นสิ่งที่ถูกซ่อนไว้อย่างดี
ซึ่งในระหว่างการปฏิบัติการ พบว่า มีชาวเยอรมันที่อาศัยอยู่ในตึกอพาร์ตเมนต์ 5 ชั้นเป้าหมายจำนวนร่วม 100 คน ต้องถูกอพยพออกนอกพื้นที่เพื่อความปลอดภัย และโฆษกตำรวจแซกโซนียังกล่าวถึงระเบิดที่ถูกเก็บกู้ได้ว่า หากไม่ถูกทำลายในจุดที่ค้นพบ ก็จะถูกนำไปทำลายในสถานที่ควบคุม หรือระเบิดนี้ถูกทำให้ไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม
เดลิเมลรายงานเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ ตำรวจเยอรมัน เชื่อว่า จาเบอร์ อัลบัคร์ ได้วางแผนเพื่อใช้ระเบิดโจมตีสนามบินเยอรมัน อ้างอิงจากการรายงานของ Online Focus โดยสนามบินที่ใกล้ที่สุด คือ ท่าอากาศยานเดรสเดน (Dresden) ที่อยู่ห่างออกไปราว 60 กม. และสนามบินนานาชาติไลป์ซิกที่ตั้งห่างออกไปอีกราว 85 กม.
สื่ออังกฤษรายงานว่า เชื่อกันว่า อัลบัคร์ได้เดินทางเข้ามายังเยอรมัน พร้อมกับกลุ่มผู้อพยพซาวซีเรียจำนวนมากในปีที่ผ่านมา ซึ่งในระหว่างการปิดเมืองไล่ล่าในวันเสาร์ (8 ต.ค.) ประชาชนชาวเมืองในพื้นที่ถูกสั่งให้อาศัยอยู่แต่ภายในที่พักของตัวเองเท่านั้น ในขณะที่กองกำลังคอมมานโดพร้อมอาวุธปืนกลเคลื่อนกำลังไปทั่วเมืองเคมนิตซ์ ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ไม่ต่ำกว่า 200,000 คน ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศ ทางใต้ของกรุงเบอร์ลิน และ เมืองไลป์ซิก ไม่ห่างจากพรมแดนติดกับสาธารณรัฐเช็กเท่าใดนัก
และเป็นที่น่าสังเกตว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่นายกฯหญิงเยอรมัน อังเกลา แมร์เคิล อยู่ในระหว่างการเริ่มต้นการเยือน 3 ชาติแอฟริกาในวันอาทิตย์ (9 ต.ค.) เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตผู้อพยพเข้ายุโรป
โดยการเริ่มต้นการเยือนแมร์เคิลจะไปเยือนมาลี และ ไนเจอร์ ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังเอธิโอเปีย ซึ่งมีรายงานว่าผู้นำเยอรมันจะเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ของสหภาพแอฟริกา AU ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงแอดดิส อาบาบา
ซึ่งในการเยือนแอฟริกาเป็นครั้งแรกนี้ แมร์เคิลจะนั่งจับเข่ากับผู้นำ 3 ชาติ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตผู้อพยพเข้ายุโรปอย่างจริงจัง รวมไปถึงการต่อต้านกลุ่มก่อการร้าย
และในวันพุธ (12 ต.ค) 1 วันหลังจากเสร็จสิ้นการเยือนแอฟริกา แมร์เคิลจะเป็นเจ้าภาพต้อนรับประธานาธิบดีชาด อิดรีส เดบี ในกรุงเบอร์ลิน และจะทำการปิดท้ายสัปดาห์ด้วยการพบปะกับประธานาธิบดีไนจีเรีย มูฮัมมาดู บูฮารี ในการแก้ปัญหากลุ่มก่อการร้ายโบโกฮารัม
