รอยเตอร์/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันขึ้นแรงในวันพุธ (5 ต.ค.) หลังข้อมูลรัฐบาลสหรัฐฯ เผยคลังเชื้อเพลิงลดลงเหนือคาดหมายและเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน ปัจจัยนี้ดันวอลล์สตรีทปิดบวก ขณะที่ทองคำขยับลงเล็กน้อย นักลงทุนเมินสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 99 เซนต์ ปิดที่ 51.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เผยแพร่ข้อมูลในวันพุธ (5 ต.ค.) พบคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์ที่แล้วลดลง 3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่เหล่านักวิเคราะห์คาดหมายไว้ในผลสำรวจของรอยเตอร์ที่เชื่อว่าสต๊อกน้ำมันดิบน่าจะเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพุธ (5 ต.ค.) พุ่งขึ้นจากแรงหนุนกลุ่มบริษัทปิโตรเลียม หลังน้ำมันขึ้นแรง เช่นเดียวกับภาคธนาคาร ตามความคาดหมายที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆ นี้
ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 112.58 จุด (0.62 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,281.03 จุด เอสแอนด์พีเพิ่มขึ้น 9.24 จุด (0.43 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,159.73 จุด แนสแดคเพิ่มขึ้น 26.36 จุด (0.50 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,316.02 จุด
สมาชิกดาวโจนส์อย่างเชฟรอนปิดบวก 1.0 เปอร์เซ็นต์ และชลัมเบอร์เกอร์ ยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการทางพลังงาน พุ่งขึ้น 2.1 เปอร์เซ็นต์ เมื่อราคาน้ำมันสหรัฐฯ ขยับขึ้นจ่อ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังพบสต๊อกน้ำมันดิบอเมริกาลดลง
โกลด์แมน แซคส์ และเวลส์ ฟาร์โก เป็นหนึ่งในบรรดาเหล่าธนาคารยักษ์ใหญ่ที่ปิดบวกราวๆ 2 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่านั้น หลังมีความคาดหมายมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม ขณะเดียวกันวอลล์สตรีทยังได้แรงหนุนจากการดีดตัวของดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการประจำเดือนกันยายนของสถาบันบริการการจัดการซัปพลาย (ISM)
ข้อมูลภาคบริการที่แข็งแกร่งเกินคาดหมายของสหรัฐฯ ผลักให้นักลงทุนเมินสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ และฉุดให้ทองคำในวันพุธ (5 ต.ค.) ปิดลบเป็นวันที่สี่ในการซื้อขาย 5 วันหลังสุด โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ลดลง 1.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,268.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์