รอยเตอร์ - ฟิลิปปินส์ และ อเมริกา ได้เริ่มการซ้อมรบประจำปีตามกำหนดในวันอังคาร (4) หรือเกือบหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ผู้นำแดนตากาล็อก ประกาศว่า นี่จะเป็นการซ้อมรบร่วมกันครั้งสุดท้าย อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่ของทั้งสองประเทศเริ่มเตรียมการสำหรับการซ้อมรบปีหน้าแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่สถานทูตอเมริกันแสดงความมั่นใจว่า สัมพันธภาพกับมะนิลาจะยังคงเดิมเหมือนเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา
ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงต่อข้อกังวลของอเมริกาเกี่ยวกับสงครามกวาดล้างยาเสพติดนองเลือดของเขาที่เริ่มขึ้นนับจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมิถุนายน และการตอบโต้ด้วยถ้อยคำดุเดือดของดูเตอร์เต ทำให้ความสัมพันธ์กับวอชิงตันคลอนแคลน
อย่างไรก็ตาม การซ้อมขึ้นบกของหน่วยสะเทินน้ำสะเทินบกประจำปี ระหว่างกองทัพฟิลิปปินส์กับหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐฯ ที่เกาะลูซอน เริ่มต้นขึ้นตามกำหนดในวันอังคาร และจะสิ้นสุดลงในวันที่ 12 ตุลาคม นี้
นายพล จัตวา จอห์น แจนเซน แห่งหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐฯ แถลงว่า อเมริกา และฟิลิปปินส์ มีความผูกพันพิเศษและยาวนาน ทุกปีอเมริกาจะได้รับการเชื้อเชิญให้กระชับความสัมพันธ์ให้แนบแน่นยิ่งขึ้นด้วยการร่วมซ้อมรบ นอกจากนี้ ผู้นำเหล่าทัพของทั้งสองประเทศยังเริ่มเตรียมการสำหรับการซ้อมรบในปีหน้าแล้ว
อย่างไรก็ตาม ดูเตอร์เต สบถใส่อเมริกาแทบไม่เว้นวันตลอดเดือนที่แล้ว ซึ่งครั้งหนึ่งถึงขั้นเรียกประธานาธิบดี บารัค โอบามา ว่าเป็น “ลูกกะหรี่” กำลังทำให้เกิดคำถามว่า มะนิลาอาจทำให้การทูตในภูมิภาคนี้ซับซ้อนขึ้น
แม้วอชิงตันแสดงความผิดหวังต่อความหยาบคายของดูเตอร์เต แต่เจ้าหน้าที่อเมริกันทั้งในอดีตและปัจจุบันต่างพยายามกลบเกลื่อน ว่า เหตุการณ์เหล่านั้นไม่ได้ส่งผลกระทบมากมายนักต่อความสัมพันธ์สองประเทศ ส่วนดูเตอร์เตเองก็แสดงความเสียใจที่พูดจาน่ารังเกียจกับโอบามา
ฟิลิปปินส์นั้นเป็นหนึ่งในพันธมิตรสำคัญที่สุดสำหรับแผนการเสริมสร้างอิทธิพลในเอเชียของอเมริกา เพื่อคานอิทธิพลที่แผ่ขยายอย่างรวดเร็วของจีน แต่ทว่าดูเตอร์เตกลับแสดงท่าทีชัดเจนว่า ต้องการตีตัวออกห่างอเมริกา และหันไปหารัสเซียและจีนมากขึ้น โดยเมื่อวันอาทิตย์ (2) ผู้นำฟิลิปปินส์ เผยว่า ทั้งสองประเทศให้กำลังใจและพร้อมสนับสนุน หลังจากตนระบายความคับข้องใจเรื่องอเมริกาให้ฟัง
ทางด้านรัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์ พยายามแก้ต่างว่า การที่ดูเตอร์เตไม่ได้กล่าวถึงบริบททั้งหมด อาจทำให้เกิดการเข้าใจผิด ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ก็แสดงความกังวล แต่สำทับว่า เบาใจขึ้นเนื่องจากดูเตอร์เตยังไม่ได้สั่งให้มีการลดระดับความร่วมมือทางทหารกับอเมริกา
ช่วงหลายปีมานี้ อเมริกาให้ความช่วยเหลือด้านการทหารและการพัฒนาแก่ฟิลิปปินส์เป็นมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ ทำให้ฟิลิปปินส์เป็นผู้รับความช่วยเหลือทางทหารจากอเมริการายใหญ่อันดับ 3 ในเอเชีย รองจากอัฟกานิสถาน และปากีสถาน
ในวันอังคาร เอ็มมี่ เนกี เจ้าหน้าที่สถานทูตอเมริกันในกรุงมะนิลา ยืนยันว่า ทั้งสองประเทศยังคงร่วมมือกันเหมือนเช่นเมื่อหลายทศวรรษที่ผ่านมา และเชื่อว่า จะเป็นเช่นนี้ต่อไป