เอเอฟพี - อดีตประธานาธิบดี ชิมอน เปเรส แห่งอิสราเอล เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคหลอดเลือดสมองเมื่อช่วงก่อนรุุ่งสางวันนี้ (28 ก.ย.) สิริอายุได้ 93 ปี
เปเรส ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบขณะนอนหลับ เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (07.00 น.ตามเวลาในไทย) ตามข้อมูลจาก นพ.ราฟี วอลเดน ซึ่งเป็นทั้งแพทย์ประจำตัวและบุตรเขยของอดีตประธานาธิบดี
แหล่งข่าวใกล้ชิดระบุว่า สมาชิกในครอบครัวได้อยู่เคียงข้างเปเรส จนนาทีสุดท้าย
รัฐบาลอิสราเอลมีกำหนดแถลงข่าวการถึงแก่อสัญกรรมของอดีตผู้นำรายนี้ในเวลา 07.00 น. (11.00 น.ตามเวลาในไทย)
เปเรส เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลใกล้ๆ กรุงเทลอาวีฟมาตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. เนื่องจากอาการของโรคหลอดเลือดสมองทรุดหนัก และมีเลือดออกภายใน
ชาวอิสราเอลต่างเฝ้าติดตามอาการป่วยของบิดาผู้ก่อตั้งชาติคนสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ หลังจากที่ เปเรส ถูกส่งเข้าหอผู้ป่วยหนัก โดยถูกให้ยาระงับความรู้สึก (sedation) และใส่เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา
เปเรส เคยคุมกระทรวงสำคัญๆ ของอิสราเอลมาแทบจะทุกกระทรวง เป็นนายกรัฐมนตรีถึง 3 สมัย ก่อนจะได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีระหว่างปี 2007-2014
เปเรส ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 1994 ร่วมกับนายกรัฐมนตรียิตซัก ราบิน แห่งอิสราเอล และยัตเซอร์ อาราฟัต ผู้นำปาเลสไตน์ จากการมีส่วนร่วมเจรจาข้อตกลงออสโล (Oslo Accords) ซึ่งกำหนดเป้าหมายในการสร้างรัฐปาเลสไตน์ที่เป็นอิสระ
หลังจากล้มป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมอง เปเรสก็ได้รับกำลังใจอย่างล้นหลามจากบุคคลสำคัญทั่วโลก รวมไปถึงสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส, ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ, ครอบครัวอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน แห่งสหรัฐฯ, มหาเศรษฐี โดนัลด์ ทรัมป์, อดีตนายกรัฐมนตรี โทนี แบลร์ แห่งอังกฤษ และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย
บัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้กล่าวยกย่องเปเรส ว่าเป็น “บุคคลที่เพียรพยายามสร้างสันติภาพระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย”