เอเจนซีส์/เอพี - ยังคงเป็นประเด็นเรื่องปืนของ คีธ ลามองต์ สก็อตต์ (Keith Lamont Scott) ชาวนอร์ทแคไรนา วัย 43 ปี เสียชีวิตจากการโดนวิสามัญฆาตกรรมในวันอังคาร (20 ก.ย.) ที่ผ่านมา หลังตำรวจนอร์ทแคโรไลนานอกเครื่องแบบที่กำลังอยู่ในระหว่างการจับกุมคนร้ายอ้างพบสก็อตต์อยู่ในรถ SUV กำลังสูบกัญชาและถือปืน ล่าสุด วานนี้ (24 ก.ย.) ทางเจ้าหน้าที่ยอมเผยแพร่ภาพวิดีโอคลิปที่ถูกถ่ายไว้ได้จากบอดีแคมของตำรวจนายหนึ่งในการจับกุม แสดงให้เห็นภาพสก็อตต์ล้มลงหลังปืนดังขึ้น 4 นัดโดยเจ้าหน้าที่ แบรนต์ลี วินสัน (Brentley Vinson) และถูกใส่กุญแจมือแม้ขณะที่นอนกองหายใจรัวรินกับพื้น แต่ปืนพกโคลต์ มัสแตง 380 (Colt Mustang 380) กระบอกเล็กที่ตำรวจอ้างว่าสก็อตต์มีไว้ในความครอบครองยังเป็นที่กังขาต่อไปว่ามาจากไหน
เดลิเมล สื่ออังกฤษรายงานวันนี้ (25 ก.ย.) ในความคืบหน้าล่าสุด หนุ่มผิวสีวัย 43 ปี จากรัฐนอร์ทแคโรไลนา คีธ ลามองต์ สก็อตต์ (Keith Lamont Scott) ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเสียชีวิตในวันอังคาร (20 ก.ย.) ที่ผ่านมา และทางภรรยาของผู้เสียชีวิตได้เปิดเผยภาพเหตุการณ์ที่เธอได้บันทึกไว้ต่อสาธารณะก่อนหน้านี้ และล่าสุด เมื่อวานนี้ (24 ก.ย.) ตำรวจรัฐนอร์ทแคโรไลนาเผยแพร่ภาพเคลื่อนไหวที่ถูกบันทึกไว้ได้จากกล้องบอดีแคมของตำรวจนายหนึ่งในปฏิบัติการ แต่ทว่าไม่ได้มาจากกล้องบอดีแคมของเจ้าหน้าที่แบรนต์ลี วินสัน (Brentley Vinson) ซึ่งเป็นผู้ลงมือสังหารสก็อตต์ถึง 4 นัดจนขาดใจตาย
ซึ่งในวิดีโอคลิปตำรวจที่มีความยาว 1.08 นาที อ้างอิงจากเว็บไซต์ NBC NEWS โดยเดลิเมลระบุว่า ไม่มีภาพใดแสดงให้เห็นว่า สก็อตต์ แอฟริกันอเมริกัน ที่ภรรยาของเขาระบุว่า มีอาการบาดเจ็บทางสมอง (Traumatic Brain Injury - TBI) จะยกปืนขึ้น หรือเล็งไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบที่ทำการล้อมเขาไว้ รวมไปถึงไม่ปรากฏว่าชายผิวสีผู้นี้จะทำการเคลื่อนไหวอย่างไม่ทันตั้งตัวเพื่อจู่โจมเจ้าหน้าที่
และในคลิปได้แสดงให้เห็นว่า ชายวัย 43 ปี ผู้นี้เดินออกไปจากรถ SUV ส่วนตัวสีขาวที่จอดอยู่หลังจากกล้องบอดีแคมที่ติดตัวตำรวจถูกถ่ายไปแล้ว 50 วินาที และพบว่า หลังจากนั้นเขาเดินถอยหลังช้า ๆ จำนวน 4 ก้าวในขณะที่มือทั้งสองข้างยังอยู่บริเวณข้างลำตัว โดยเอพีรายงานเพิ่มเติมว่า การบันทึกจากกล้องแดชบอร์ดในรถตำรวจเริ่มต้นขึ้นเมื่อ รถตำรวจได้จอดและเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย กำลังยกปืนจ่อไปที่สก็อตต์ที่กำลังนั่งอยู่ภายในรถ SUV สีขาว กระจกหน้าต่างปิดและประตูปิดอยู่ และหลังจากนั้นชายผู้นี้ลงจากรถ ก้าวถอยหลัง ก่อนปืนจะถูกยิงขึ้น
ซึ่งในวิดีโอคลิปก่อนหน้านี้ที่ถูกถ่ายโดยภรรยาของสก็อตต์ได้เปิดเผยว่า ตำรวจที่ล้อมตัวเขาออกคำสั่งเสียงดังให้สก็อตต์ “ทิ้งปืน” แต่วิดีโอคลิปที่ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะไม่สามารถแสดงรายละเอียดให้เห็นชัดว่า สก็อตต์มีปืนอยู่ในมือในขณะนั้นจริงหรือไม่ สอดคล้องกับการรายงานของสื่อสหรัฐฯ NBC NEWS ที่ได้ระบุว่า ***ในระหว่างเกิดเหตุ ไม่มีภาพที่สามารถยืนยันได้ว่าชายผู้นี้มีปืนอยู่ในมือ***
หลังจากนั้น มีเสียงปืนดังขึ้น 4 นัด และร่างของสก็อตต์ร่วงลงกับพื้น และแม้แต่ที่ชายผู้นี้ดูเหมือนใกล้หมดลมหายใจ แต่ทว่าเขายังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจใส่กุญแจมือ
อย่างไรก็ตาม หัวหน้าตำรวจชาร์ลอตต์-เม็กเคลนเบิร์ก (Charlotte-Mecklenburg) เคอร์ พุตนี (Kerr Putney) อ้างก่อนหน้าที่จะมีการเผยแพร่วิดีโอคลิปตำรวจว่า มีหลักฐานอื่นแสดงการครอบครองปืนของสก็อตต์ และยังอ้างต่อว่า ตำรวจผู้ที่ยิงสก็อตต์เสียชีวิตไม่ได้สวมบอดี้แคมนระหว่างปฏิบัติหน้าที่
ซึ่งทางตำรวจเมืองชาร์ลอตต์-เม็กเคลนเบิร์ก ยังอ้างเลยไปถึงว่า มีเหตุสมควรที่ทางเจ้าหน้าที่จะใช้ปืนกับสก็อตต์ เนื่องมาจากชายผู้นี้มีลักษณะที่อาจเป็นภัย และเขายังขัดคำสั่งเจ้าหน้าที่ในการให้วางปืน โดยในภายหลังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐนอร์ทแคโรไลนาได้แสดงภาพหลักฐานปืน พร้อมซองที่เก็บปืนบริเวณข้อเท้าที่อ้างว่าเป็นของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นปืนพกรุ่น โคลต์ มัสแตง 380 (Colt Mustang 380) และซองเก็บปืนหนังสีดำ และในการแถลงข่าว ทางเจ้าหน้าที่อ้างว่า ผลนิติวิทยาศาสตร์ออกมาพบ DNA และลายนิ้วมือของสก็อตต์บนปืน
แต่อย่างไรก็ตาม ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตยังคงยืนยันว่า ในขณะเกิดเหตุสก็อตต์ไม่ได้พกปืน NBC NEWS ชี้ว่า จัสติน แบมเบิร์ก (Justin Bamberg) ทนายความของครอบครัวสก็อตต์ แถลงว่า วิดีโอที่ปรากฏแสดงให้เห็นว่า “สก็อตต์ก้าวถอยหลัง” และไม่ได้แสดงอาการขู่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ก่อนถูกยิงเสียชีวิต และอีกทั้งวิดีโอคลิปยังไม่ปรากฏชัดแจ้งว่า ชายผู้นี้มีปืนอยู่ในมือในขณะเกิดเหตุหรือไม่ “การกระทำเหล่านี้ ช่วงเวลาวินาทีที่มีคุณค่านี้ ได้แสดงให้เห็นว่าเป็นการยิงอย่างสมเหตุสมผลหรือไม่” แบมเบิร์ก กล่าวแถลงกับสื่อ
และในการแถลงข่าวของตำรวจชาร์ลอตต์-เม็กเคลนเบิร์ก ได้กล่าวในรายละเอียดการจับกุมนา คีธ ลามองต์ สก็อตต์ ว่า ในระหว่างที่กลุ่มตำรวจนอกเครื่องแบบกำลังอยู่บริเวณลานจอดรถเพื่อเตรียมพร้อมในหมายจับสำหรับการจับกุมผู้ต้องสงสัยคนอื่นที่อยู่ในหมายอันนั้น และในขณะนั้นเองทางตำรวจสังเกตเห็นสก็อตต์ในรถ SUV สีขาวที่กำลังจอดอยู่ ๆ ข้างรถเจ้าหน้าที่ ซึ่งในขณะนั้นทางตำรวจชาร์ลอตต์-เม็กเคลนเบิร์กอ้างว่า สก็อตต์มีบุหรี่สอดไส้กัญชาที่เรียกว่า “blunt” อยู่ในมือ แต่คนเหล่านั้นไม่ได้ให้ความสนใจ อย่างไรก็ตาม วินสัน ผู้เป็นคนไล่ไก 4 นัด สังหารสก็อตต์สังเกตเห็นว่า ชายผิวสีผู้นี้กำลัง “ถือปืนอยู่ในมือ”
ในแถลงการณ์ของตำรวจยังกล่าวต่อว่า “จากสถานการณ์ที่มียาเสพติดผิดกฎหมายในความครอบครองและการมีปืนของสก็อตต์ ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ต้องใช้กำลังเพื่อเหตุผลด้านความปลอดภัยส่วนรวม” และแถลงการณ์ของเจ้าหน้าที่ในวันเสาร์ (24 ก.ย.) ยังระบุต่อว่า “ตำรวจใช้กระบองทุบไปที่กระจกรถ SUV ของสก็อตต์เพื่อทำการจับกุม และทำให้สก็อตต์ต้องยอมออกจากรถพร้อมกับปืน โดยเดินออกห่างจากตัวรถ แต่กระนั้นยังคงเพิกเฉยต่อคำสั่งของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตะโกนเสียงดังเป็นคำพูด “วางปืนลง””
นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ยังกล่าวว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ยิงสก็อตต์จนล้มลงแล้ว และได้ทำการปฐมพยาบาล พร้อมเรียกหน่วยกู้ภัยฉุกเฉินมายังที่เกิดเหตุ NBC NEWS รายงานว่า ตำรวจรัฐนอร์ทแคโรไลนา ระบุว่า สาเหตุที่ไม่เผยแพร่วิดีโอคลิปที่ถูกถ่ายไว้จากกล้องบอดีแคมของเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ เหตุเพราะไม่เกี่ยวข้องกับการยิง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการเผยแพร่วิดีโอคลิปในเวลา 18.35 น. โดยพุตนีได้อ้างว่า ตัดสินใจเปิดเผยคลิปจากทางเจ้าหน้าที่เนื่องจากเห็นว่า สามารถกระทำได้โดยที่จะไม่ขัดขวางต่อการสอบสวนของทางหน่วยงานสอบสวนกลาง และย้ำว่า แต่ก่อนหน้านี้ หากทางตำรวจได้เปิดเผยออกไป เชื่อว่าอาจจะมีผลต่อคดี
ซึ่งหัวหน้าตำรวจเมืองชาร์ลอตต์-เม็กเคลนเบิร์ก ยืนยันว่า ภาพที่ปรากฏออกมาไม่ได้พิสูจน์สิ่งใดว่าจริงหรือไม่ เป็นเพียงแต่สนับสนุนพยานวัตถุเท่านั้น ทั้งนี้ มีรายงานว่า ครอบครัวของสก็อตต์ได้รับอนุญาตให้ชมวิดีโอคลิปของทางเจ้าหน้าที่ในวันพฤหัสบดี (22 ก.ย.) ก่อนหน้านี้
โดยในการปฎิบัติหน้าที่มีตำรวจทำการจับกุมสก็อตต์ 4 นาย เบรนต์ลี วินสัน เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบไม่สวมบอดีแคมเป็นผู้ลั่นไกสังหาร แต่ทว่าตำรวจอีก 3 นายที่เหลือต่างสวมบอดีแคมด้วยกันทุกคน
ด้านผู้ว่าการรัฐนอร์ทแคโรไลนา แพต แม็คครอรี (Pat McCrory) ได้ออกแถลงการณ์ในวันเสาร์ (24 ก.ย.) แสดงความสนับสนุนการตัดสินใจของตำรวจเมืองชาร์ลอตต์-เม็กเคลนเบิร์กในการเผยแพร่วิดีโอคลิปบอดีแคมออกมาตามข้อเรียกร้องของผู้ประท้วงก่อนหน้านี้ ซึ่งในวันพุธ (21 ก.ย.) แม็คครอรีประกาศภาวะฉุกเฉิน
ประท้วงได้กลายเป็นความรุนแรงอีกครั้ง