รอยเตอร์ - กระทรวงกลาโหมรัสเซียในวันอังคาร (20 ก.ย.) ปฏิเสธคำกล่าวอ้างที่ว่าขบวนรถบรรเทาทุกข์ของสหประชาชาติถูกระดมยิงด้วยปืนใหญ่หรือโดนโจมตีทางอากาศหนึ่งวันก่อนหน้านี้ พร้อมชี้่ว่ามันน่าจะเกิดจากไฟลุกไหม้มากกว่า
สหประชาชาติระงับการลำเลียงสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าสู่ซีเรียทั้งหมดในวันอังคาร (20 ก.ย.) หลังขบวนรถบรรทุกความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมถูกโจมตีเสียหายรุนแรง ท่ามกลางการพังครืนของข้อตกลงหยุดยิงซึ่งมีสหรัฐฯ และรัสเซียเป็นคนกลาง จากเหตุความรุนแรงที่โหมกระพือขึ้นมาอีกรอบ
อิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมของรัสเซียระบุในถ้อยแถลงว่า “เราได้ศึกษาวิดีโอของเหตุการณ์ที่ได้มาจากนักเคลื่อนไหวโดยละเอียดแล้ว และไม่พบหลักฐานว่าขบวนรถถูกโจมตีด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ใดๆ เลย ไม่พบรูโหว่และด้านนอกรถก็มีรูปแบบความเสียหายไม่สอดคล้องกับแรงระเบิดจากระเบิดที่ถูกทิ้งลงมาจากท้องฟ้า”
โคนาเชฟคอฟบอกว่า จากที่เห็นในวิดีโอ ความเสียหายของขบวนรถน่าจะเกิดจากการที่สิ่งของที่บรรทุกเกิดไฟลุกไหม้มากกว่า พร้อมตั้งข้อสังเกตว่ามันน่าประหลาดอย่างยิ่งที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่พวกนักรบได้เริ่มปฏิบัติการรุกคืบครั้งใหญ่ในอเลปโปที่อยู่ใกล้เคียง
รัสเซียได้หยุดติดตามขบวนรถหลังจากส่งมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์เรียบร้อยแล้ว และทางโฆษกบอกว่าตำแหน่งของขบวนรถบรรเทาทุกข์นี้มีเพียงนักรบที่อยู่ในภาคพื้นเท่านั้นที่รู้
โฆษกกระทรวงกลาโหมของรัสเซียบอกต่อไปว่า ในช่วงเย็นวันเดียวกันกลุ่มนักรบนุสรา ฟรอนต์ ได้เริ่มต้นโจมตีครั้งใหญ่ภายใต้กำลังสนับสนุนจากรถถัง ปืนใหญ่ และยุทโธปกรณ์หนักอื่นๆ และบอกว่ามีเพียง กลุ่มหมวกขาว (White Helmets) เท่านั้นที่จะสามารถตอบได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังสิ่งที่เกิดขึ้นกับขบวนรถบรรเทาทุกข์
“มีเพียงตัวแทนขององค์กร White Helmets ที่ใกล้ชิดกับพวกนุสรา ฟรอนต์ ที่สามารถตอบได้ว่าใครทำเรื่องนี้และทำไม เพราะพวกเขามักอยู่ถูกที่ถูกเวลาที่จะสามารถบันทึกภาพวิดีโอได้ตลอด” โคนาเชนคอฟกล่าว
การออกมาปฏิเสธของรัสเซียสวนทางกับคำกล่าวอ้างของผู้เห็นเหตุการณ์หลายคนที่บอกว่าพบเห็นเครื่องบินลาดตระเวนบินวนเวียนอยู่บนท้องฟ้าหลายชั่วโมง ก่อนขบวนรถบรรเทาทุกข์ของสหประชาชาติจะถูกโจมตีเมื่อวันจันทร์ (19 ก.ย.) ปลิดชีวิตเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์หลายคนและทำลายรถลำเลียงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไป 18 คัน
กบฏและเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ท้องถิ่นระบุว่าเครื่องบินลาดตระเวนปรากฏตัวก่อนเหตุโจมตีโดยตั้งใจ ซึ่งเรียกเสียงประณามจากสหประชาชาติและเหล่าประเทศตะวันตก พร้อมกระตุ้นให้รัสเซียและรัฐบาลซีเรียต้องรุดออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้อง
“เราคิดตั้งแต่แรกแล้วว่ากำลังมีบางอย่างเกิดขึ้นเพราะว่ามีเครื่องบิน 4 หรือ 5 ลำบนท้องฟ้า แต่พวกเขายังไม่โจมตีในตอนแรก” อาบู ชาฮูด นักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนเกิดเหตุเมื่อวันจันทร์ (19 ก.ย.) กล่าว
ส่วนฮุสเซน บาดาวี หัวหน้าหน่วยช่วยเหลือท้องถิ่นของศูนย์ป้องกันพลเรือนในเมืองอูเรม อัล-คูบรา ซึ่งอยู่ห่างจากขบวนรถแค่ 100 เมตรตอนเกิดเหตุและได้รับบาดเจ็บจากของมีคมบาดบริเวณมือ ระบุว่ามันเป็นการโจมตีทางอากาศอย่างหนักหน่วงสังหารเจ้าหน้าที่ที่กำลังขนสิ่งของบรรเทาทุกข์ขึ้นรถ
แม้ดามัสกัสและมอสโกต่างปฏิเสธว่าเครื่องบินรบของพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ และรัสเซียบอกว่ามีพวกกบฏเท่านั้นที่รู้ตำแหน่งของขบวนรถ แต่สหประชาชาติยืนยันว่าทุกฝ่ายได้รับการแจ้งข่าวตำแหน่งของขบวนรถและรถบรรทุกเหล่านั้นก็ติดเครื่องหมายไว้อย่างชัดเจน
