รอยเตอร์ - รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุปักกิ่ง “คัดค้าน” การใช้มาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวต่อเกาหลีเหนือ เนื่องจาก “ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น” แต่พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพื่อมีมาตรการตอบโต้ที่จำเป็น หลังเปียงยางทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 5
รัฐบาลจีนได้แสดงความไม่พอใจต่อการทดสอบนิวเคลียร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งนับว่ามีอานุภาพร้ายแรงที่สุดเท่าที่โสมแดงเคยทำมา แต่ถึงกระนั้นก็ไม่เอ่ยตรงๆ ว่าจะสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรที่หนักหน่วงยิ่งขึ้นหรือไม่
ปักกิ่งยืนยันมาตลอดว่า การคว่ำบาตรไม่ใช่คำตอบสุดท้าย และขอให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าเจรจากัน
กระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงเมื่อวันพุธ (14 ก.ย.) ว่า รัฐมนตรี หวัง อี้ ได้กล่าวต่อ ฟูมิโอะ คิชิดะ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น ว่าจีนไม่เห็นด้วยกับการทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ และพร้อมทำงานร่วมกับสมาชิกถาวรอื่นๆ ในคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น “เพื่อหามาตรการตอบสนองที่จำเป็นต่อสถานการณ์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงบนคาบสมุทรเกาหลี”
“ขณะที่ทุกฝ่ายกำลังเฝ้ารอคำสั่งจากคณะมนตรีความมั่นคง จีนขอยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียว เพราะไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น” ถ้อยแถลงที่เป็นการสรุปคำพูดของ หวัง ระบุ และไม่มีรายละเอียดใดๆ เพิ่มเติมอีก
ซุง คิม ผู้แทนพิเศษสหรัฐฯ กรณีเกาหลีเหนือ ได้เข้าพบเจ้าหน้าที่ของญี่ปุ่นเมื่อวันอาทิตย์ (11) และยืนยันว่าสหรัฐฯ อาจตัดสินใจใช้มาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวต่อโสมแดง ซึ่งตรงกับสิ่งที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้กล่าวไว้ตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว (9)
กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า คิชิดะ ได้ย้ำกับ หวัง ว่าการทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเป็นสิ่งที่อภัยให้ไม่ได้ และยังเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของญี่ปุ่นโดยตรง จึงขอให้จีนมีมาตรการตอบสนองอย่างสร้างสรรค์ และแสดงความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น
จีนถือเป็นมหามิตรเพียงหนึ่งเดียวที่ช่วยประคับประคองเกาหลีเหนือทั้งในด้านเศรษฐกิจและการทูต แต่การที่โสมแดงดึงดันพัฒนาอาวุธทำลายล้างสูงอย่างต่อเนื่องก็ทำให้จีนเหนื่อยหน่าย จนยอมหนุนหลังมติคว่ำบาตรอย่างหนักหน่วงขององค์การสหประชาชาติ
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เชื่อว่า จีนเป็นชาติเดียวที่อยู่ในฐานะที่จะ “ปราม” โสมแดงได้มากที่สุด แต่นักวิเคราะห์บางคนมองว่าอิทธิพลที่ปักกิ่งมีต่อเปียงยางนั้นอ่อนแอลงไปมากในช่วง 2 - 3 ปีมานี้