รอยเตอร์/เอเอฟพี - สหรัฐฯ ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ บี-1 แลนเซอร์ จำนวน 2 ลำ ขึ้นบินเหนือท้องฟ้าเกาหลีใต้เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (13 ก.ย.) เพื่อแสดงแสนยานุภาพและสร้างความเชื่อมั่นแก่พันธมิตรสำคัญอย่างกรุงโซล ในยามที่สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีกำลังร้อนระอุจากการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 5 ในเกาหลีเหนือเมื่อสัปดาห์ก่อน
เครื่องบินทิ้งระเบิด บี-1 ทั้ง 2 ลำได้ทำการบินในระดับต่ำเหนือฐานทัพอากาศโอซาน ซึ่งอยู่ห่างจากเขตปลอดทหารบริเวณชายแดนเกาหลีเหนือ-ใต้เพียง 77 กิโลเมตร และห่างจากกรุงโซลไปเพียง 40 กิโลเมตร
กำหนดการบินถูกเลื่อนจากวันจันทร์ (12) มาเป็นวันนี้ เนื่องจากสภาพอากาศที่ฐานทัพอากาศแอนเดอร์เซนบนเกาะกวมซึ่งเป็นฐานประจำการของ บี-1 ไม่เอื้ออำนวย
เครื่องบินขับไล่ของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ได้บินประกบ บี-1 ขณะเหาะเหินอยู่เหนือฐานทัพอากาศโอซาน โดยอากาศยานทางยุทธศาสตร์รุ่นนี้สามารถบรรทุกขีปนาวุธทั้งแบบนำวิถี และไม่นำวิถี ได้มากที่สุดในบรรดาเครื่องบินของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ทุกรุ่น
พล.อ.วินเซนต์ บรูกส์ ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐฯ จำนวน 28,500 นายในเกาหลีใต้ และ พล.อ.ลี ซุน-จิน ประธานเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการขึ้นบินครั้งนี้ด้วย
“การแสดงการบินในวันนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของศักยภาพทางการทหารเต็มรูปแบบและความเป็นพันธมิตรที่เข้มแข็ง ซึ่งจะช่วยยกระดับการป้องปรามให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น” บรูกส์ ระบุในคำแถลง
นายพลผู้นี้กล่าวต่อไปว่า “การทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเป็นพฤติกรรมที่อันตราย และเป็นภัยคุกคามที่ไม่อาจรับได้” และสหรัฐฯ นั้น “มีเจตนารมณ์ที่แน่วแน่” ในการปกป้องชาติพันธมิตรในภูมิภาค
“สหรัฐฯ จะใช้ทุกมาตรการที่จำเป็น รวมถึงปฏิบัติการเช่นในวันนี้ และการส่งระบบป้องกันขีปนาวุธในบรรยากาศชั้นสูง (Terminal High Altitude Air Defense - THAAD) เข้ามายังคาบสมุทรเกาหลี”
เมื่อเดือน ก.ค. รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ประกาศแผนนำขีปนาวุธ THAAD ของสหรัฐฯ เข้ามาติดตั้งในประเทศ เพื่อสกัดกั้นจรวดและอาวุธนิวเคลียร์ของโสมแดงที่นับวันจะยิ่งน่ากลัวมากขึ้น
จีนประกาศชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับแผนนี้ เพราะเกรงว่าขีปนาวุธ THAAD จะเข้ามาบั่นทอนระบบป้องกันนิวเคลียร์ของตนเอง และการที่อาวุธล้ำสมัยของสหรัฐฯ ถูกส่งมาติดตั้งถึงหน้าประตูบ้านของจีน ก็เท่ากับทำให้ดุลอำนาจในแปซิฟิกเอียงไปข้างอเมริกามากขึ้น
แผนการนำเข้าขีปนาวุธ THAAD ยังถูกต่อต้านอย่างหนักจากชาวบ้านในเมืองซองจู (Seongju) ซึ่งจะเป็นสถานที่ติดตั้งระบบขีปนาวุธตัวนี้
ล่าสุด สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนือได้รายงานวันนี้ (13) ว่า ประชาชนชาวโสมแดงรู้สึก “โกรธแค้นราวภูเขาไฟระเบิด” ต่อการที่วอชิงตันส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดมาข่มขู่
“มาตรการคว่ำบาตร ยั่วยุ หรือกดดันใดๆ ก็ไม่อาจทำลายความเป็นรัฐนิวเคลียร์ของเราได้ และการยั่วยุทางการเมืองและการทหารอย่างชั่วร้ายมีแต่จะเร่งไปสู่การโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ และการทำลายล้างในขั้นสุดท้าย”
รัฐบาลเกาหลีใต้ออกมายอมรับวานนี้ (12) ว่าเปียงยางมีความพร้อมที่จะทดสอบนิวเคลียร์อีกเมื่อใดก็ได้ หลังเพิ่งทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ที่อานุภาพร้ายแรงเป็นประวัติการณ์ไปหมาดๆ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (9)
การทดสอบครั้งนี้ยิ่งชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวของบรรดาชาติคู่อริ หรือแม้กระทั่งองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในการที่จะบีบให้เกาหลีเหนือยอมละเลิกโครงการพัฒนานิวเคลียร์และขีปนาวุธ
ผู้แทนเจรจาด้านนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้จะร่วมประชุมกันที่กรุงโซลในวันนี้ (13) เพื่อหารือมาตรการตอบโต้เกาหลีเหนือ โดยจะมีการแถลงข่าวออกมาในช่วงบ่าย