เอเจนซีส์ - นักเคลื่อนไหวซีเรียกล่าวหากองทัพของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ใช้ “ก๊าซพิษคลอรีน” โจมตีชุมชนซึ่งอยู่ในเขตอิทธิพลของฝ่ายกบฏที่เมืองอะเลปโป เมื่อวันอังคาร (6 ก.ย.) จนเป็นเหตุให้ชาวบ้านราว 80 คนล้มป่วยด้วยอาการหายใจติดขัด
หน่วยป้องกันพลเรือนซีเรีย (Syrian Civil Defense) ซึ่งเป็นอาสาสมัครกู้ภัยในพื้นที่ของพวกกบฏ ได้โพสต์คลิปวิดีโอบันทึกภาพผู้บาดเจ็บจากเหตุโจมตีที่ย่าน อัล-ซุกการี ทางตะวันออกของเมืองอะเลปโป รวมถึงเด็กชายคนหนึ่งที่ถูกเอาน้ำราดตัว และต้องสวมหน้ากากออกซิเจนช่วยหายใจ
ศูนย์สังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียซึ่งมีฐานในลอนดอนระบุว่า ระเบิดที่ทหารซีเรียนำมาทิ้งทำให้ชาวบ้านกว่า 70 คนในย่าน อัล-ซุกการี สำลักก๊าซพิษ และต้องถูกนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน
ด้านสำนักข่าวอัลญะซีเราะห์รายงานว่า กองทัพซีเรียได้ส่งเฮลิคอปเตอร์เข้ามาหย่อนระเบิดถังน้ำมันที่บรรจุก๊าซคลอรีนลงเหนือพื้นที่ชุมชน และเหตุโจมตีครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตด้วยอย่างน้อย 1 ราย
ฮาเช็ม อาเฮลบาร์รา ผู้สื่อข่าวอัลญาซีเราะห์ที่เมืองกาเซียนเทป (Gaziantep) ในตุรกี อ้างข้อมูลจากนักเคลื่อนไหวในซีเรียซึ่งระบุว่า ผู้บาดเจ็บจำนวนมากถูกนำส่งโรงพยาบาลด้วยอาการหายใจติดขัด “อาการคล้ายกับที่พวกเขาเคยเจอมาในอดีต ซึ่งทำให้เชื่อว่าน่าจะเป็นก๊าซคลอรีน”
ด้านศูนย์สื่อมวลชนอะเลปโปซึ่งเป็นองค์กรของฝ่ายกบฏ ได้ยืนยันผ่านทวิตเตอร์ว่า เขต อัล-ซุกการี ถูกโจมตีด้วยก๊าซพิษคลอรีนจริง
ผลการสอบสวนร่วมระหว่างองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และองค์การห้ามอาวุธเคมี (OPCW) ซึ่งเผยแพร่เมื่อเดือนที่แล้ว ระบุว่า กองทัพซีเรียเคยใช้ “อาวุธเคมี” สังหารพลเรือนอย่างน้อย 2 ครั้งในปี 2014 และ 2015 ซึ่งสารพิษที่ใช้ก็คือก๊าซคลอรีน
หน่วยป้องกันพลเรือนซีเรียยังกล่าวหาว่ารัฐบาลอัสซาดใช้ก๊าซคลอรีนเข่นฆ่าประชาชนอีกครั้งในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งยูเอ็นยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ
แม้ก๊าซคลอรีนจะถูกใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม แต่สารเคมีชนิดนี้ได้ถูกห้ามใช้เป็นอาวุธตามอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี (Chemical Weapon Convention) ซึ่งรัฐบาลซีเรียได้เข้าร่วมเป็นภาคีเมื่อปี 2013 ตามแรงกดดันของมหามิตรอย่างรัสเซีย