ปารีส-เบอร์ลินผนึกกำลังต้าน “ทีทีไอพี” มะกันยังฝันหวานสรุปเปิดเสรีทันสิ้นปี

รอยเตอร์ - รัฐมนตรีแดนน้ำหอม ชี้ สมควรระงับการเจรจาการค้าข้ามแอตแลนติกเพื่อล้างไพ่ใหม่ เข้าทางเยอรมนีที่เรียกร้องให้ยุติการเจรจา ขณะที่ บรัสเซลส์ และวอชิงตัน ยังฝันหวาน ว่า การเจรจาคืบหน้าด้วยดี และจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ภายในปีนี้

แมทเทียส เฟคล์ รัฐมนตรีการค้าฝรั่งเศส กล่าวในวันอังคาร (30) ว่า ฝรั่งเศสจะขอให้ระงับการเจรจาความตกลงเพื่อความเป็นหุ้นส่วนด้านการค้าและการลงทุนข้ามแอตแลนติก (ทีทีไอพี) ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีการค้าสหภาพยุโรป (อียู) เดือนหน้าที่ บราติสลาวา สโลวาเกีย

เฟคล์ ยังเปิดเผยผ่านสถานีวิทยุอาร์เอ็มซี ว่า เขาจะเสนอในที่ประชุมให้ยุติการเจรจาดังกล่าวเพื่อเริ่มต้นใหม่ภายใต้เงื่อนไขที่ดีกว่าเดิม

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (28) ซิกมาร์ เกเบรียล รัฐมนตรีเศรษฐกิจเยอรมนี กล่าวในทำนองเดียวกันว่า การเจรจาทีทีไอพีล้มเหลวโดยสิ้นเชิงหลังจากที่ยุโรปไม่ยอมรับข้อเรียกร้องบางอย่างของอเมริกา

การแสดงความคิดเห็นของเฟคล์และเกเบรียล เท่ากับว่า สองชาติใหญ่ที่สุดในอียูกำลังงัดข้อกับทั้งคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเทียบเท่าฝ่ายบริหารของอียู และ ไมเคิล โฟรแมน ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ

ทั้งนี้ การเจรจานาน 3 ปี ไม่สามารถแก้ไขความคิดเห็นที่แตกต่างหลายข้อ ซึ่งรวมถึงประเด็นความปลอดภัยด้านอาหารและสิ่งแวดล้อม ทว่า โฆษกสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) กลับให้สัมภาษณ์นิตยสาร “แดร์ สปีเกล” ของเยอรมนี ว่า แท้จริงแล้วการเจรจามีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนั้น เมื่อต้นสัปดาห์ จอช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาวยังแถลงว่า แม้จะต้องหาทางฝ่าฟันอุปสรรคใหญ่บางข้อในการเจรจา แต่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา และคณะทำงาน ยังมุ่งมั่นที่จะบรรลุข้อตกลงทีทีไอพีให้ได้ก่อนสิ้นปีนี้

ทางด้านโฆษกคณะกรรมาธิการยุโรป มาร์การิติส ชินาส มองแง่ดีเช่นกันโดยแถลงที่บรัสเซลส์ เมื่อวันจันทร์ (29) ว่า แม้การเจรจาต้องใช้เวลา แต่ขณะนี้ถือว่ามีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ฝ่ายที่สนับสนุนเชื่อว่า ทีทีไอพีจะนำมาซึ่งผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจแก่ทั้งอียูและอเมริกา มูลค่ากว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ แต่ฝ่ายที่คัดค้านวิจารณ์ว่า ข้อตกลงนี้ให้อำนาจบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่มากเกินไป โดยที่ผู้บริโภคและแรงงานเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

ปารีสนั้นขู่ระงับการเจรจามาตั้งแต่เดือนเมษายน แต่เนื่องจากทั้งฝรั่งเศส และเยอรมนี จะมีเลือกตั้งใหญ่ในปีหน้า และช่วงก่อนฤดูร้อน ผู้เชี่ยวชาญจึงคาดว่า ก่อนการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ อาจเป็นโอกาสดีที่สุดในการบรรลุข้อตกลง

แต่โอกาสดังกล่าวดูเหมือนริบหรี่ลงอย่างชัดเจนในขณะนี้ และการที่คนอังกฤษโหวตออกจากอียูเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ยิ่งทำให้อนาคตทีทีไอพีมืดมนกว่าเดิม แม้คณะกรรมาธิการยุโรปได้รับอำนาจให้เจรจาทีทีไอพีให้ลุล่วงในนามสมาชิก 28 ประเทศของอียูก็ตาม