เอเจนซีส์ - รายงานการสอบสวนร่วมระหว่าง UN และกลุ่มติดตามตรวจสอบอาวุธเคมีทั่วโลกระบุ รัฐบาลซีเรียใช้แก๊สพิษโจมตีประชาชนของตัวเองสองครั้ง ขณะที่ไอเอสใช้แก๊สซัลเฟอร์มัสตาร์ดหนึ่งครั้ง โดยคณะมนตรีความมั่นคงฯ นัดหารือมาตรการลงโทษต้นสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ดี คาดว่า รัสเซียจะใช้สิทธิ์วีโตเพื่อปกป้องดามัสกัส ขณะเดียวกัน รายงานระบุว่า กองกำลังตุรกีภายใต้การสนับสนุนของพันธมิตรสามารถยึดเมืองจาราบลัสในซีเรียจากไอเอสได้แล้ว หลังเปิดฉากจู่โจมไม่ถึงวัน
รายงานของสหประชาชาติ (UN) และองค์การห้ามอาวุธเคมี (OPCW) ที่ได้รับอำนาจในการตรวจสอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากคณะมนตรีความมั่นคงแห่ง UN พุ่งเป้าที่การโจมตี 9 ครั้ง ใน 7 จุดในซีเรีย ซึ่งจากการสืบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงของ OPCW พบแนวโน้มการใช้อาวุธเคมี และการโจมตี 8 ครั้งในจำนวนนี้เกี่ยวข้องกับการใช้แก๊สคลอรีน
การสอบสวนไม่สามารถฟันธงใน 6 กรณี และ 3 กรณีที่เหลือสมควรได้รับการสอบสวนเพิ่มเติม
รายงานที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันพุธ (24) ระบุว่า มีข้อมูลเพียงพอสรุปว่า เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพซีเรียทิ้งอุปกรณ์ปล่อยก๊าซพิษลงในทัลเมเนส เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2014 และซาร์มิน ในวันที่ 16 มีนาคม 2015 ซึ่งทั้งสองจุดอยู่ในเมืองอิดลิป และทั้งสองกรณีเกี่ยวข้องกับการใช้แก๊สคลอรีน
นอกจากนั้น ยังมีข้อมูลเพียงพอสรุปว่า กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) เป็นองค์กรเดียวที่มีศักยภาพ แรงจูงใจ และช่องทางในการใช้แก๊สซัลเฟอร์มัสตาร์ดในมาเรียเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ปีที่แล้ว
ในรายงานอีกฉบับ OPCW พบว่า มีการใช้แก๊สคลอรีนอย่างเป็นระบบหลายครั้งระหว่างสงครามกลางเมืองในซีเรีย ทว่า ทางการดามัสกัสยืนกรานปฏิเสธมาโดยตลอด
ซีเรียนั้นตกลงทำลายอาวุธเคมีในปี 2013 ภายใต้ข้อตกลงที่มีมอสโก และวอชิงตัน เป็นตัวกลาง และคณะมนตรีความมั่นคงฯ ให้การสนับสนุนผ่านมติ ที่ระบุว่า ในกรณีที่มีการฝ่าฝืน ซึ่งรวมถึงการถ่ายโอนหรือการใช้อาวุธเคมีโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยผู้ใดก็ตามในซีเรีย คณะมนตรีจะใช้กฎบัตร UN หมวดที่ 7 ซึ่งระบุถึงมาตรการลงโทษและการใช้กำลังทหารโดยคณะมนตรีฯ
ซาแมนธา พาวเวอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำ UN เรียกร้องให้สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงฯ ร่วมมือกันเพื่อรับประกัน ว่า ผู้ที่ใช้อาวุธเคมีในซีเรียจะต้องได้รับผลจากการกระทำดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เป็นที่คาดว่า รัสเซียจะกอดคอจีนขวางอเมริกา อังกฤษ และ ฝรั่งเศส ไม่ให้ลงโทษซีเรีย
ทั้งนี้ คณะมนตรีความมั่นคงฯ ที่ประกอบด้วย สมาชิกจาก 15 ชาติ มีกำหนดหารือเกี่ยวกับรายงานฉบับนี้ในวันอังคารหน้า (30) และ บัน คี-มุน เลขาธิการ UN กล่าวว่า จะนำรายงานดังกล่าวออกเผยแพร่ภายหลังการประชุม
.
.
ขณะเดียวกัน สื่อท้องถิ่นของตุรกี รายงานว่า การโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดินของตุรกี ซึ่งถือเป็นปฏิบัติการครั้งใหญ่ที่สุดของอังการาในวิกฤตซีเรีย ที่เริ่มขึ้นก่อนรุ่งสางวันพุธ (24) และดำเนินการร่วมกับกองทัพพันธมิตร รวมถึงกลุ่มกบฏซีเรียนั้น สามารถขับไล่ไอเอสออกจากจาราบลัส ซึ่งเป็นเมืองชายแดนของซีเรีย สำเร็จโดยใช้เวลาเพียง 14 ชั่วโมง ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการต่อสู้ยืดเยื้อของกองกำลังเคิร์ดเพื่อเข้าชิงเมืองต่าง ๆ คืนจากไอเอสทางด้านเหนือของซีเรีย เช่น โคบานี และมานบิจ
สถานีเอ็นทีวีของตุรกี รายงานว่า ไอเอสต่อต้านการรุกคืบของกองกำลังตุรกีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่สำนักข่าวโดกัน ระบุว่า นักรบญิฮาดถูกสังหาร 46 คน ทว่า เจ้าหน้าที่ยังไม่ยืนยันรายงานนี้
สำนักข่าวอนาโดลูของทางการตุรกี รายงานว่า มีนักรบกลุ่มกบฏซีเรียเสียชีวิตเพียงคนเดียว และบาดเจ็บ 10 คน ส่วนกองกำลังตุรกีไม่มีการสูญเสียแต่อย่างใด
ประธานาธิบดี เรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน ของตุรกี ที่อยู่ระหว่างให้การต้อนรับรองประธานาธิบดี โจ ไบเดนของสหรัฐฯ ในกรุงอังการา ยืนยันว่า นักรบซีเรียในจาราบลัสสามารถชิงเมืองคืนจากไอเอสได้แล้ว
ก่อนหน้านั้น แอร์โดอัน ย้ำว่า ปฏิบัติการดังกล่าวพุ่งเป้าทั้งไอเอส และกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ดที่ได้รับการสนับสนุนจากอเมริกาในฐานะพันธมิตรต่อต้านไอเอส และเข้าประชิดจาราบลัสเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ไบเดน ยืนยันกับตุรกี ว่า วอชิงตันได้รับแจ้งจากนักรบเคิร์ดว่า กลุ่มติดอาวุธดังกล่าวจะไม่ข้ามแม่น้ำยูเฟรติสด้านตะวันตกเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะถูกอเมริกายุติการสนับสนุน.