ยูเอสเอทูเดย์/รอยเตอร์ - กองกำลังพิเศษอัฟกันภายใต้การสนับสนุนของที่ปรึกษาทางทหารอเมริกาบุกเข้าไปและสอดส่องทั่วมหาวิทยาลัยอเมริกาแห่งอัฟกานิสถาน ในกรุงคาบูลวันพุธ (24 ส.ค.) ตามล่าผู้ต้องสงสัยมือปืนที่อาจยังคงหลบซ่อนอยู่ หลังจากสถาบันการศึกษาแห่งนี้ถูกกลุ่มนักรบโจมตี ทำนักศึกษาแตกตื่นหนีตาย เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 1 ราย
เบื้องต้นโฆษกกระทรวงมหาดไทยเผยเหตุโจมตีเริ่มต้นเมื่อมือปืน 1 หรือ 2 คน เป็นไปได้ว่าสวมเสื้อกั๊กระเบิดฆ่าตัวตาย บุกจู่โจมเข้ามายังมหาวิทยาลัยตอนประมาณ 18.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับเมืองไทย 21.00 น.)
อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์ระบุว่าคนร้ายเริ่มต้นการโจมตีด้วยระเบิดลูกใหญ่ที่เจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะเป็นคาร์บอมบ์ จากนั้นก็ตามด้วยการสาดกระสุน โดยระหว่างที่กลุ่มคนที่ต้องสงสัยว่าเป็นนักรบบุกเข้ามาในมหาวิทยาลัยนั้น อาจารย์ต่างชาติและนักศึกษาหลายสิบคนกำลังดำเนินการเรียนการสอนอยู่
รายละเอียดของผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บยังมีไม่มากนัก แต่รายงานข่าวของยูเอสเอทูเดย์และรอยเตอร์ระบุตรงกันว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรายหนึ่งของมหาวิทยาลัยเสียชีวิตในเหตุโจมตีที่กินเวลานานหลายชั่วโมง ขณะที่โรงพยาบาลฉุกเฉินในกรุงคาบูลเผยว่าได้ให้การรักษาคณะครูและนักศึกษาที่ได้รับบาดเจ็บราว 14- 19 คน แต่ไม่ชัดเจนว่ามีชาวต่างชาติรวมอยู่ในนั้นหรือไม่
เบื้องต้นกองกำลังพิเศษอัฟกานิสถานปิดล้อมกำแพงมหาวิทยาลัยและท้ายที่สุดก็สามารถบุกเข้าไปภายใน จากนั้นก็สอดส่องไปทั่วมหาวิทยาลัยเพื่อตามล่าผู้ต้องสงสัย โดยระหว่างนั้นก็ดำเนินการอพยพเหล่านักศึกษาที่อยู่ในอาการตื่นกลัวออกมา
โฆษกของกระทรวงมหาดไทยเปิดเผยในช่วงค่ำวันพุธ (24 ส.ค.) ว่ามือปืน 2 คนกำลังหลบซ่อนอยู่ภายในอาคารวิทยาลัย สอดคล้องกับคำบอกเล่าของผู้บัญชาการตำรวจคาบูลที่เปิดเผยกับรอยเตอร์ในตอนเช้ามืดวันพฤหัสบดี (25 ส.ค.) ว่าพื้นที่เงียบสงบแล้วและกองกำลังด้านความมั่นคงกำลังกดดันให้มือปืนที่อาจเหลืออยู่ออกมาจากที่ซ่อน “เราอยู่ภายในอาคารและอยู่ระหว่างปฏิบัติการกวาดล้าง เราไม่รู้ว่ามือปืนยังเหลืออยู่หรือเปล่า หรือมือปืนยังมีชีวิตรอดหรือไม่”
ส่วนผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า นักศึกษาและศาสตราจารย์ต่างชาติจำนวนมากขังตัวเองอยู่ในห้องเรียนท่ามกลางเสียงปืนและระเบิดดังขึ้นเป็นชุดๆ “นักศึกษาหลายคนกระโดดลงจากชั้น 2 บางรายขาหักและบางคนได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะขณะพยายามหลบหนี” อัลดุลเลาะห์ ฟาฮิมี นักศึกษาที่หลบหนีออกมาบอกกับรอยเตอร์ในสภาพที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเท้า
อาห์หมัด มัคตาร์ ผู้สื่อข่าวของซีบีเอส ทวีตว่า เขาและเพื่อนบางส่วนหลบหนีเหตุโจมตีออกมาได้ แต่เพื่อนๆ และศาสตราจารย์อีกหลายคนยังติดอยู่ข้างใน ขณะที่มัสซูด ฮอสไซนี ช่างภาพของสำนักข่าวเอพีและเจ้าของรางวัลรางวัลพูลิตเซอร์ เผยว่า เขาอยู่ในห้องเรียนพร้อมกับนักศึกษา 15 คนตอนที่ได้ยินเสียงระเบิด
“ผมออกไปที่หน้าต่างเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น และผมเห็นคนคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าปกติอยู่ข้างนอก เขายิงใส่ผมจนกระจกแตก” ฮอสไซนีเล่า พร้อมเผยว่าเขาล้มทับเศษกระจกเลยได้แผลที่มือ นักศึกษาคนอื่นๆ ขังตัวเองอยู่ในห้อง และได้ยินเสียงระเบิดอย่างน้อยๆ 2 ลูก
ฮอสไซนีเล่าต่อว่า ท้ายที่สุดแล้วเขาและนักศึกษาคนอื่นๆ ราว 9 คนก็สามารถหลบหนีออกมาได้ผ่านประตูฉุกเฉิน “ตอนที่ผมกำลังวิ่ง ผมเห็นบางคนล้มลงหน้ากระแทกพื้น มันเหมือนว่าเขาถูกยิงที่หลัง”
อดัม สตัมป์ โฆษกเพนตากอนบอกกับยูเอสเอทูเดย์ว่า คณะที่ปรึกษาทางทหาร Resolute Support กลุ่มเล็กๆ กำลังประเมินสถานการณ์ ณ จุดเกิดเหตุ แต่ไม่มีบทบาทด้านการประจัญบาน ทั้งนี้ Resolute Support คือภารกิจที่นำโดยนาโต้ ซึ่งจะคอยฝึกฝนและสนับสนุนกองกำลังอัฟกานิสถาน
ที่สถาบันการศึกษาแห่งนี้เพิ่งเกิดเหตุที่เชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือของพวกก่อการร้ายเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม โดยศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัย 2 คน เป็นชาวอเมริกัน 1 คน และออสเตรเลีย 1 คน ถูกลักพาตัวไปจากใจกลางกรุงคาบูล ซึ่งหลังจากนั้นทางมหาวิทยาลัยก็ปิดทำการและดำเนินการทบทวนแนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัย ก่อนกลับมาเปิดการเรียนการสอนอีกครั้งไม่กี่วันหลังจากนั้น แม้ว่าศาสตราจารย์ทั้ง 2 คนยังหาตัวไม่พบ
มหาวิทยาลัยอเมริกาแห่งอัฟกานิสถานเปิดทำการในปี 2006 ขณะที่สถาบันการศึกษาแห่งนี้ถูกมองในฐานะเป้าหมายลำดับต้นๆ ของพวกนักรบ เพราะมหาวิทยาลัยแห่งนี้มีศาสตราจารย์ชาวต่างชาติหลายคน
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประณามเหตุโจมตีมหาวิทยาลัยอเมริกาแห่งอัฟกานิสถานด้วยถ้อยคำรุนแรงที่สุด โดยระบุว่ามันเป็นการโจมตีอนาคตของอัฟกานิสถาน ส่วนทำเนียบขาวเผยว่ากำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและรู้สึกกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับเหตุโจมตีดังกล่าว
นายจอช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาว ยังบอกกับผู้สื่อข่าวระหว่างแถลงสรุปประจำวันด้วยว่า กองกำลังจากพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ ได้เข้าร่วมปฏิบัติการตอบสนองเหตุโจมตีคราวนี้ด้วย โดยมีหน้าที่คอยให้คำปรึกษาและช่วยเหลือเจ้าหน้าที่อัฟกานิสถาน