เอเอฟพี - สหรัฐฯ ประกาศเตือนวานนี้ (23 ส.ค.) ให้ชาวอเมริกันที่ยังพำนักอยู่ในฉนวนกาซาซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของขบวนการอิสลามิสต์ “ฮามาซ” รีบอพยพออกมา “โดยเร็วที่สุด” เพื่อความปลอดภัย
คำเตือนจากรัฐบาลสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจากที่กองทัพอิสราเอลได้ทิ้งระเบิดโจมตีเป้าหมายหลายจุดในฉนวนกาซาตั้งแต่วันอาทิตย์ (21) จนถึงวันจันทร์ (22) เพื่อตอบโต้จรวดซึ่งถูกยิงออกมาจากดินแดนดังกล่าว
แพทย์ปาเลสไตน์ระบุว่า มีผู้บาดเจ็บ 4 รายจากเหตุโจมตีครั้งนี้
วอชิงตันจะแจ้งเตือนความเสี่ยงไปยังชาวอเมริกันที่พำนักอยู่ในต่างแดนอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งในกรณีนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แนะให้พลเมืองหลีกเลี่ยงการเดินทางไปฉนวนกาซา “ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด” และขอให้ผู้ที่ยังพำนักอยู่ “รีบเดินทางออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด ในขณะที่จุดผ่านแดนยังเปิด”
สหรัฐฯ เคยออกประกาศเตือนลักษณะนี้มาแล้วเมื่อเดือน ธ.ค. ปี 2015
กองทัพอิสราเอลระบุว่า ตั้งแต่เดือน ม.ค.เป็นต้นมามีจรวดถูกยิงจากฉนวนกาซาข้ามไปยังเขตแดนของอิสราเอลแล้วทั้งสิ้น 14 ลูก
สถานการณ์ชายแดนยังคงตึงเครียดหนัก นับตั้งแต่เกิดสงครามระหว่างทหารอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธในกาซาเมื่อช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. ปี 2014 ซึ่งทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไปกว่า 2,200 ราย ในขณะที่ฝ่ายอิสราเอลสูญเสียพลเมืองเพียง 73 ราย
“ฉนวนกาซาอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มฮามาซซึ่งเป็นองค์กรก่อการร้ายต่างชาติ สถานการณ์ความมั่นคงภายในกาซาและบริเวณพรมแดนนับว่าอันตราย และมีความเปราะบางอย่างยิ่ง” คำเตือนจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ
ในส่วนของอิสราเอลและเขตเวสต์แบงก์ก็มีชาวอเมริกันตกเป็นเหยื่อเหตุรุนแรงจนถึงขั้นบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย ตั้งแต่เดือน ต.ค. ปี 2015 เป็นต้นมา ทว่า “ไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่าพลเมืองสหรัฐฯ ตกเป็นเป้าหมายโจมตีอย่างเฉพาะเจาะจง”
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังตำหนิรัฐบาลอิสราเอลที่เตรียมขยายพื้นที่ทหารในเมืองเฮบรอน (Hebron) โดยจะปลูกสร้างบ้านเรือนให้ชาวยิวเข้าไปอาศัยเพิ่ม
“หากรายงานนี้เป็นความจริงก็นับว่าน่าเป็นห่วง เพราะเป็นการขยายถิ่นฐานชาวยิวในดินแดนซึ่งชาวปาเลสไตน์ก็เป็นเจ้าของด้วยส่วนหนึ่ง” มาร์ก โทเนอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลง
“เราขอคัดค้านการขยายถิ่นฐานทุกรูปแบบ เพราะเป็นการบั่นทอนกระบวนการสันติภาพ และเราได้แถลงย้ำหลายครั้งแล้วว่า รัฐบาลอิสราเอลทำเช่นนี้ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่พวกเขาอ้างว่าสนับสนุนแนวทางแก้ปัญหาแบบ 2 รัฐควบคู่ (two-state solution)”