เอเจนซีส์ /MGRออนไลน์ - บริษัท ทเวนตี เฟิร์สต์ เซนจูรี ฟ็อกซ์ ที่มีเจ้าพ่อสื่อโลกตะวันตก รูเพิร์ต เมอร์ด็อก นั่งคุม แต่งตั้งลูกหม้อคนวงในใกล้ชิดกับ เมอร์ด็อก แจ็ก อาเบอร์เนตี (Jack Abernethy) และบิล ไชน์ (Bill Shine) ขึ้นนั่งตำแหน่งประธานบริษัทร่วมสถานีโทรทัศน์ข่าวสหรัฐฯ ฟ็อกซ์นิวส์ แทนที่อดีตผู้บริหารคนเดิม โรเจอร์ เอลส์ ที่ต้องยอมลาออกหลังถูกอดีตผู้สื่อข่าวสาวร่วมสถานีฟ้องข้อหาคุกคามทางเพศ
บีบีซี สื่ออังกฤษรายงานล่าสุดถึงความเปลี่ยนแปลงสถานีโทรทัศน์อิงการเมืองขวาจัดอเมริกา ฟ็อกซ์นิวส์ ว่า ทางบริษัท ทเวนตี เฟิร์สต์ เซนจูรี ฟ็อกซ์ ได้แต่งตั้งประธานบริษัทคนใหม่แล้ว
สื่ออังกฤษรายงานว่า แจ็ก อาเบอร์เนตี (Jack Abernethy) และ บิล ไชน์ (Bill Shine) 2 ผู้บริหารของทางฟ็อกซ์นิวส์คนใหม่นั้น มีประวัติการทำงานกับสถานีแห่งนี้มาอย่างยาวนาน โดยพบว่าอาเบอร์เนตีเคยนั่งในตำแหน่งหัวหน้าบริหารสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ ที่ต้องควบคุมถึง 28 ช่องที่ทางฟ็อกซ์นิวส์เป็นเจ้าของ ส่วนไชน์เคยดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารอาวุโส ที่มีรายงานว่า เขามีความใกล้ชิดกับ “รูเพิร์ต เมอร์ด็อก” เจ้าพ่อสื่อผู้กุมบังเหียนบริษัท ทเวนตี เฟิร์สต์ เซนจูรี ฟ็อกซ์
บีบีซีรายงานต่อว่า ในการทำหน้าที่บริหารสื่อยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ พบว่า ทั้งอาเบอร์ตี และไชน์ จะได้รับการจัดสรรหน้าที่แบ่งความรับผิดชอบในการบริหารงาน ทั้งส่วนของฟ็อกซ์นิวส์ แชนแนล และฟ็อกซ์ บิสซิเนส เน็ตเวิร์ก ที่ก่อนหน้านี้เจ้าพ่อฟ็อกซ์นิวส์ โรเจอร์ เอลส์ ซึ่งได้ยอมลาออกไปในเดือนกรกฎาคม จัดการอยู่เพียงแต่ผู้เดียว โดยพบว่าอาเบอร์เนตีจะรับผิดชอบในส่วนของด้านการเงิน การขายโฆษณา และการเผยแพร่ ส่วนไชน์จะควบคุมการบริหารภายในสถานี
ด้านเมอร์ด็อกได้ออกมาให้ความเห็นในเรื่องนี้ ว่า “นี่ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่ของทางสถานี ที่จะไม่มีโอกาสที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านี้ ที่ทางฟ็อกซ์นิวส์ และฟ็อกซ์ บิสซิเนส จะมีโอกาสได้รับใช้และขยายฐานผู้ชมและลูกค้าของบริษัท ซึ่งมีทีมงานทั่วโลกที่แข็งแกร่ง ซึ่งมีความสามารถในระดับมืออาชีพคอยร่วมมือ เพราะเราถือเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งในแง่ทั้งบทบาทและอิทธิพล”
ทั้งนี้ สถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ถือเป็นฐานเสียงหลักของผู้มีสิทธิลงคะแนนพรรครีพับลิกัน และยังมีบทบาทเป็นอย่างสูงต่อการเมืองอเมริกัน และต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งสถานีแห่งนี้มีดาราแม่เหล็กหลายคนในการเมืองสายอนุรักษ์ ไม่ว่าจะเป็น ฮวน ฮานิตี ที่เพิ่งสัมภาษณ์เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ โดนัลด์ ทรัมป์ ในเรื่องการประกาศให้กลุ่มผู้สนับสนุนการมีอาวุธปืนสามารถหยุดฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต หรือ เมแกน เคลลี รวมไปถึง บิล โอ ไรล์ลี ที่มี เกรธา แวนซัสเทเรน และ ฮารีส ฟอล์กเนอร์ รวมอยู่ด้วย เป็นต้น
เดอะการ์เดียนรายงานเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลศูนย์วิจัยเนลสัน ชี้ว่า ฐานอายุผู้ชมของทางสถานีโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 67 ปี โดยพบว่าฐานอายุผู้ชมเฉลี่ย 25 - 54 ปี ของฟ็อกซ์นิวส์มีเพียง 17% เท่านั้น และทำให้สื่ออังกฤษวิเคราะห์ว่า ดูเหมือนกลุ่มผู้ชมของทางสถานีจะหดหายลงไปในไม่ช้า และดูเหมือนว่าการลดลงของผู้ชมอาจจะเร็วไปกว่าผลโพลสำรวจความนิยมที่ลดลงของโดนัลด์ ทรัมป์เสียอีก
ทั้งนี้ พบว่า คู่แข่งสำคัญของฟ็อกซ์นิวส์ คือ CNN ที่มีความพร้อมหลายด้าน โดยล่าสุดได้ขยายไปสู่ดิจิตอลแพลตฟอร์มด้วยเม็ดเงินลงทุน 20 ล้านดอลลาร์ โดยพบว่า ในปี 2015 ฟ็อกซ์นิวส์รั้งอันดับ 3 ในด้านการรับชมจากทุกแพลตฟอร์ม อันดับ 6 วิดีโอสตรีมมิง และตามหลังในกลุ่มโซเชียลมีเดีย
แต่อย่างไรก็ตาม เดอะการ์เดียน กล่าวว่า ฟ็อกซ์นิวส์ขึ้นชื่อว่าเป็นปิศาจทางการเงิน มีความสามารถดูดผลกำไรได้มหาศาลไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งคิดสัดส่วนเป็น 20% ของจำนวนรายได้ทั้งหมดของบริษัทแม่ ทเวนตี เฟิร์สต์ เซนจูรี ฟ็อกซ์ ถือได้ว่าเป็นยูนิตการลงทุนที่คุ้มค่ามากที่สุดของอาณาจักรสื่อตระกูลเมอร์ด็อก และดังนั้น อาจเป็นสาเหตุว่า ทำไม ลัชลัน (Lachlan) และเจมส์ (James) บุตรชายทั้งสองของรูเพิร์ต เมอร์ด็อก ที่มีรายงานว่า ไม่สบอารมณ์กับอดีตเจ้าพ่อฟ็อกซ์นิวส์ เอลส์ ได้ออกมาให้ความเห็นกับผู้ถือหุ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า พวกเขาไม่มีความประสงค์ที่จะยื่นมือไปยุ่งเกี่ยวกับสถานี เพราะยังคงต้องการให้สื่อสายอนุรักษ์แห่งนี้มีความโดดเด่นอันเป็นจุดขายของตัวเองต่อไป
ซึ่งบรรดาคนวงในได้ออกมาให้ความเห็นในเรื่องนี้กับเดอะการ์เดียน ว่า สถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์นั้นดูเหมือนว่ามียอดเรตติ้งที่ดี และจะยังคงความเป็นสื่อสายอนุรักษ์ที่เข้มแข็ง หากสหรัฐฯอยู่ภายใต้รัฐบาลบริหารของพรรคเดโมแครต ซึ่งนั้นก็หมายความว่า ฮิลลารี คลินตัน ได้เข้าสู่ทำเนียบขาวแล้ว และจะทำให้บรรยากาศการทำงานของสถานีย้อนกลับไปเหมือนในสมัยยุค 90 อีกครั้ง ถึงแม้ว่าทางครอบครัวเมอร์ด็อกจะเข้ามาควบคุมสถานีก็ตาม
แต่อย่างไรก็ตาม หากทรัมป์จากพรรครีพับลิกันเกิดชนะได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่จริง ทางฟ็อกซ์นิวส์อาจต้องรับศึกหนัก เพระทางสถานีสามารถดึงดูดผู้ชมได้เป็นจำนวนมากก็ต่อเมื่อนักการเมืองลิเบอร์รัลจากฝั่งเดโมแครตเข้าสู่ทำเนียบขาว ถึงแม้ว่าจะเป็นที่รู้กันว่า ฟ็อกซ์นิวส์สามารถประสบความสำเร็จได้ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในสื่ออเมริกาในสมัยที่ประธานาธิบดีบุช ที่มีทั้งเรื่องเหตุการณ์ 11 กันยา สงครามอิรัก สงครามอัฟกานิสถาน
บีบีซีรายงานต่ออีกว่า รูเพิร์ต เมอร์ด็อก เข้ามารับผิดชอบในส่วนของตำแหน่งประธานยริหารฟ็อกซ์นิวส์ และประธานบริหารนับตั้งแต่เอลส์ได้ยื่นใบลาออกไป โดยพบว่าอดีตเจ้าพ่อฟ็อกซ์นิวส์ เอลส์ เริ่มต้นทำงานให้กับสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ตั้งแต่ปี 1996