เอเจนซีส์ - เจรามี ชูเลอร์ (Jeremy Shuler) ลูกครึ่งเกาหลี-อเมริกัน วัยแค่ 12 ปี ตอกย้ำกระแสเด็กอเมริกันเชื้อสายเอเชียที่มีความสามารถโดดเด่นด้านวิชาการด้วยการเข้าเรียนต่อคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยคอร์เนลในฤดูใบไม้ร่วงที่จะมาถึงนี้ โดยตั้งเป้าจะเรียนวิชาเอกด้านฟิสิกส์ประยุกต์และวิศวะฟิสิกส์ (Applied and engineering physics) วิชาโทคณิตศาสตร์ ทำให้ทั้งแม่ชาวเกาหลี ฮาร์เรย์ ชูเลอร์ (Harrey Shuler) และพ่อชาวอเมริกัน แอนดี ชูเลอร์ (Andy Shuler) เป็นวิศวกรทั้งคู่ต้องขอย้ายไปยังเมืองนิวยอร์กเพื่อดูแลเจรามีที่กำลังจะขึ้นชั้นปี 1 ของมหาวิทยาลัยไอวีลีกในไม่ช้า
เดลีเมล์ สื่ออังกฤษรายงานล่าสุดถึงความอัจฉริยะเหนือเด็กทั่วไปของลูกครึ่งเกาหลี-อเมริกันวัย 12 ปี เจรามี ชูเลอร์ (Jeremy Shuler) ซึ่งมีประวัติสามารถพูดได้เมื่ออายุเพียง 6 เดือน และสามารถพูดได้ถึง 2 ภาษา เกาหลีและอังกฤษในขณะที่มีอายุเพียงแค่ 18 เดือนเท่านั้น และเมื่ออยู่ในวัย 8 ปี ชูเลอร์เริ่มต้นเรียนวิชาชั้นมัธยมปลายจากโฮมสกูลที่มีแม่ชาวเกาหลี ฮาร์เรย์ ชูเลอร์ (Harrey Shuler)และพ่อชาวอเมริกัน แอนดี ชูเลอร์ (Andy Shuler) ที่มีอาชีพวิศวกรทั้งคู่เป็นผู้สอน
และเมื่อเจรามีมีอายุได้ 10 ปีในปี 2014 เขาได้เริ่มต้นเตรียมสอบ SAT ซึ่งเป็นการสอบเพื่อสำหรับเข้าเรียนต่อในระดับวิทยาลัย 4 ปีในสหรัฐฯ พบว่าหนูน้อยได้คะแนนเฉลี่ย 99.6% แต่ทว่าเดลีเมล์ชี้ว่า ลูกครึ่งเกาหลีอเมริกันสุดอัจฉริยะยังไม่สามารถเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาได้ในขณะนั้นเนื่องจากมีอายุน้อยเกินกว่าที่จะได้รับประกาศนียบัตรจบการศึกษาระดับมัธยมปลาย ที่เรียกว่า GED ทำให้หนูน้อยชูเลอร์ต้องสมัครเข้าโครงการพิเศษของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเทกซัสที่เปิดรับให้ผู้สมัครเรียนโดยไม่จำกัดอายุเพื่อจะได้รับหน่วยกิจเพิ่มเติม และในเดือนมีนาคมปีนี้ เจรามี ชูเลอร์จากเมืองแกรนด์ แพรรี (Grand Prairie) รัฐเทกซัส ได้การตอบรับเข้าเรียนต่อในคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยคอร์เนล เมืองอิทากา (Ithaca) รัฐนิวยอร์ก โดยจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในชั้นเรียนขนาดใหญ่ที่มีเพื่อนร่วมชั้นอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีนั่งเรียนด้วยในภาคการศึกษาฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ พบว่าหนูน้อยวัย 12 ปีได้รับการศึกษาจากบิดามารดาด้วยวิธีโฮมสกูลมาทั้งชีวิต โดยมีมารดา ฮาร์เรย์ ที่มีดีกรีปริญญาเอกด้านวิศวกรรมอวกาศ ยอมลาออกจากงานเพื่อมาสอนเจรามีลูกชายที่บ้าน จนกระทั่งเธอค้นพบว่า ความรู้ที่เธอและสามีมี นั้นไม่เพียงพอสำหรับเจรามีอีกต่อไป และทำให้คนทั้งคู่ตัดสินใจส่งเจรามีไปศึกษาต่อยังมหาวิทยาลัยคอร์เนล
โดยสื่ออังกฤษรายงานว่า ดูเหมือนหนูน้อยจะตั้งเป้าเพื่อจะเรียนสาขาเอกด้านฟิสิกส์ประยุกต์และวิศวะฟิสิกส์ (Applied and engineering physics) และในไมเนอร์คณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นที่น่าทึ่งว่าเจรามีชื่นชอบในการอ่านตำราเทกซ์บุ๊กวิชาคณิตศาสตร์เป็นอย่างมาก รวมไปถึงนิยายและวรรณกรรมเยาวชนต่างๆ เป็นต้นว่า Diary Of A Wimpy Kid หรือหนังสือซีรีส์ Divergent
เจรามี ชูเลอร์ได้กล่าวให้สัมภาษณ์กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเทกซัสถึงการเริ่มต้นเรียนต่อในมหาวิทยาลัยคอร์เนลว่า “ผมรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อทราบว่าได้รับการตอบรับเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยคอร์เนล เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของผม”
เดลีเมล์รายงานว่า หนูน้อยลูกครึ่งเกาหลีอเมริกันผู้นี้เพิ่งได้รับประกาศนียบัตรสำเร็จชั้นมัธยมปลาย 2 เดือนก่อนหน้านี้เท่านั้น โดยพบว่าเขาได้ยื่นใบสมัครเรียนต่อระดับชั้นอุดมศึกษาในปี 2015 ด้านแลนซ์ คอลลินซ์ (Lance Collins) คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยคอร์เนล ได้กล่าวถึงชูเลอร์ว่า “เป็นนักศึกษาที่ก้าวหน้าเกินเพื่อนร่วมวัย เป็นเด็กที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในความพร้อมของการเข้าเรียนต่อในระดับวิทยาลัยได้” และคอลลินซ์ยังกล่าวต่อว่า “นี่ถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นน้อยมาก และทางเราสัมผัสได้ถึงการสนับสนุนอย่างเต็มเปี่ยมจากผู้เป็นพ่อและแม่ ซึ่งได้ตกลงใจที่จะยอมย้ายมาที่นี่เพื่อดูแลเจรามี ชูเลอร์ และสำหรับความฉลาดเหนือเด็กอื่นทั่วไป และความปรารถนาแสวงหาความรู้ไม่จบสิ้น เจรามี ชูเลอร์ ฐานะนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์จะเติบโตอย่างรวดเร็ว และจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์แห่งนี้ที่จะมอบให้”
ทั้งนี้ พบว่าในช่วงระหว่างที่เจรามีศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยคอร์เนล เขาจะยังคงพักกับครอบครัว โดยพบว่าแอนดี ชูเลอร์ที่มีดีกรีปริญาตรีสาขาวิศวกรรมเครื่องกลได้ทำเรื่องขอบริษัทย้ายจากรัฐเทกซัสไปยังรัฐนิวยอร์ก เจรามี ชูเลอร์กล่าวต่ออย่างมีความสุขว่า “พวกเราเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยคอร์เนลไม่กี่ครั้ง เพื่อเยี่ยมญาติ และอาหารที่มหาวิทยาลัยคอร์เนลอร่อยมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผม”
และยังกล่าวต่อว่า “ผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และพบเพื่อนใหม่ๆ แต่คิดว่ามหาวิทยาลัยคอร์เนลนั้นน่าจะแตกต่างออกไป โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่สัปดาห์แรกที่ผมจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือในการสำรวจแคมปัส และการเข้าสังคมนักศึกษาที่นั่น เป็นเพราะผมได้รับการศึกษาแบบโฮมสกูลมาตลอดชีวิต”
เดลีเมล์รายงานว่า เจรามี ชูเลอร์ วัย 12 ปีตั้งเป้าจะมีอาชีพอยู่ในสายวิชาการ และสามารถจบการศึกษาระดับปริญญาเอกเมื่อมีอายุเพียง 21 ปี ซึ่งหมายความว่าชูเลอร์จะจบการศึกษาระดับปริญาตรีในรุ่นปี 2020 เมื่ออายุได้ 16 ปีเท่านั้น