เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน ออกมาขอร้องในวันนี้ (4 ส.ค.) ให้ช่วยกันระมัดระวังและอยู่ในความสงบไม่ต้องแตกตื่น ภายหลังเกิดเหตุคนร้ายใช้มีดเป็นอาวุธไล่แทงผู้คนในบริเวณใจกลางนครหลวงของอังกฤษแห่งนี้ เมื่อตอนดึกของคืนวันพุธ (3) ซึ่งทำให้หญิงสูงอายุผู้หนึ่งเสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 5 คน
ตำรวจได้เข้าจับกุมผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นชายวัยรุ่นอายุ 19 ปี โดยใช้ปืนช็อตไฟฟ้าทำให้เขาเคลื่อนไหวไม่ได้ จากนั้นจึงพาไปรักษาในโรงพยาบาล ต่อมาผู้ต้องสงสัยผู้นี้ก็ถูกนำตัวมาสอบสวนที่สถานตำรวจแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของกรุงลอนดอน
มาร์ก โรว์ลีย์ ผู้บังคับการด้านต่อต้านการก่อการร้ายของตำรวจลอนดอน ระบุว่า จากสิ่งบ่งชี้ต่าง ๆ ที่พบในเบื้องต้นนี้ ดูจะแสดงให้เห็นว่า “ปัญหาสุขภาพจิตเป็นปัจจัยประการหนึ่งในเหตุโจมตีอย่างสยดสยองคราวนี้”
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในช่วงหลัง ๆ มานี้ เกิดเหตุโจมตีอย่างต่อเนื่องขึ้นในยุโรป ทำให้เจ้าหน้าที่ยังคงไม่ปักใจ และพร้อมพิจารณาถึงความเป็นไปได้อื่น ๆ โดยที่ เรื่องการก่อการร้ายยังคงเป็น 1 ในแนวทางการสืบสวนสอบสวนที่จะต้องสำรวจตรวจสอบ
โรว์ลีย์ บอกด้วยว่า จะส่งกำลังตำรวจออกไปตรวจตรารักษาการณ์ตามท้องถนนในเมืองหลวงของอังกฤษเพิ่มมากขึ้นในวันนี้ (4) โดยที่ส่วนหนึ่งจะเป็นตำรวจถืออาวุธ ซึ่งถือเป็นสิ่งผิดปกติในอังกฤษ ที่ตามธรรมดาแล้วตำรวจจะไม่พกปืน
ตำรวจลอนดอนเข้าจับกุมวัยรุ่นต้องสงสัยผู้นั้น ภายหลังมีรายงานข่าวเกิดเหตุไล่แทงกันในจัตุรัสรัสเซลล์ (Russell Square) อันเป็นย่านสงบซึ่งอยู่ติดกับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมหลายแห่ง เป็นต้นว่า พิพิธภัณฑ์ “บริติช มิวเซียม”
ผู้ถูกแทงที่มีอาการหนักที่สุดเป็นสตรี ซึ่งเชื่อว่าอยู่ในวัย 60 ปีเศษ พนักงานฉุกเฉินการแพทย์พยายามที่จะรักษาชีวิตของเธอเอาไว้ ทว่า ไม่ประสบผลและประกาศว่าเธอชีวิตในที่เกิดเหตุ นอกจากนั้น ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 5 คน เป็นหญิง 2 คน และชาย 3 คน โดยที่ 2 คนยังคงรักษาตัวในโรงพยาบาล ขณะที่อีก 3 คนสามารถกลับบ้านได้
นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน ซาดิก ข่าน แถลงว่า ตำรวจกำลังพยายามสืบสวนรวบรวมข้อเท็จจริงต่าง ๆ ให้ได้อย่างสมบูรณ์ รวมทั้งแรงจูงใจของคนร้ายที่ก่อเหตุด้วย พร้อมกับเรียกร้องให้ชาวกรุงลอนดอนอยู่ในความสงบอย่าได้ตื่นตระหนก แต่ก็ต้องมีความระมัดระวังตัว
“ผมขอเรียกร้องให้ชาวลอนดอนทั้งมวลอยู่ในความสงบและตื่นตัวระมัดระวัง … พวกเราทั้งหมดต่างมีบทบาทอันสำคัญยิ่ง ในการเป็นหูเป็นตาให้แก่ตำรวจและหน่วยงานความมั่นคงของพวกเรา และในการช่วยเหลือทำให้เกิดความมั่นใจว่าลอนดอนจะได้รับการปกป้องคุ้มครอง”
ประเทศทั้งหลายในยุโรปกำลังอยู่ในอาการหวั่นวิตก หลังจากเกิดเหตุโจมตีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพวกนักรบญิฮัดอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่เดือนหลังมานี้
เมื่อเดือนที่แล้ว มีคนขับรถบรรทุกขนาดใหญ่แล่นเข้าชนดะกลุ่มคนที่กลับจากการชมการแสดงดอกไม้ไฟในเมืองนีซ รีสอร์ตริมทะเลชื่อดังของฝรั่งเศส สังหารผู้คนไป 84 คน
อีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ต่อมา ชาย 2 คน ได้บุกเข้าโบสถ์คาทอลิกแห่งหนึ่งทางภาคเหนือของฝรั่งเศส และใช้มีดปาดคอสังหารบาทหลวงผู้หนึ่ง ทั้งนี้ กลุ่มนักรบญิฮัด “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) แถลงอ้างความรับผิดชอบว่า เหตุโจมตีทั้ง 2 ครั้งนี้เป็นฝีมือของ “ทหาร” ของตน
ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2014 อังกฤษประกาศเตือนภัยคุกคามจากการก่อการร้ายเอาไว้ที่ระดับ “ร้ายแรง” ซึ่งเป็นระดับสูงสุดอันดับ 2 และมีความหมายว่า “มีโอกาสสูง” ที่จะเกิดเหตุโจมตีขึ้น
เบอร์นาร์ด โฮแกน-ฮาว ผู้บัญชาการตำรวจกรุงลอนดอน เพิ่งเขียนลงในหนังสือพิมพ์ เมล ออน ซันเดย์ ฉบับเมื่อวันอาทิตย์ (31 ก.ค.) ที่ผ่านมา ระบุว่า คำถามเกี่ยวกับการเกิดเหตุโจมตีขึ้นมา เป็นคำถามที่จะต้องถามว่า “จะเกิดเมื่อใด ไม่ใช่จะเกิดหรือไม่”
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าเหตุไล่แทงนี้ ตำรวจลอนดอนก็เพิ่งประกาศว่า ตำรวจส่วนแรกในแผนการเพิ่มกำลังตำรวจติดอาวุธอีก 600 คนนั้น ได้ผ่านการฝึกอบรมเสร็จสิ้นแล้ว และพร้อมที่จะออกปฏิบัติการตามท้องถนน
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุกรุงปารีสถูกโจมตีหลายระลอกเมื่อปีที่แล้ว โฮแกน-ฮาว ก็ตัดสินใจเพิ่มจำนวนตำรวจติดอาวุธในกรุงลอนดอน จากที่มีอยู่แล้วราว 2,200 คน ตำรวจเหล่านี้มีทั้งที่ติดอาวุธแค่ปืนพก และที่ถือปืนเล็กยาวกึ่งอัตโนมัติ ตลอดจนปืนช็อตไฟฟ้า
เหตุโจมตีใช้มีดไล่แทงครั้งนี้ เกิดขึ้นในบริเวณใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุจุดหนึ่งในกรณีมือระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีระบบขนส่งมวลชนของลอนดอนเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2005
ถึงแม้การโจมตี 7/7 คราวนั้น ซึ่งสังหารผู้คนไป 52 คน ถือเป็นการโจมตีแบบก่อการร้ายครั้งใหญ่ครั้งสุดท้ายซึ่งเกิดขึ้นบนแผ่นดินอังกฤษ แต่หลังจากนั้นมาก็มีเหตุการณ์ขนาดย่อม ๆ ลงมาเกิดขึ้นหลายครั้ง
เมื่อวันจันทร์ (1) ที่ผ่านมา ศาลเพิ่งตัดสินลงโทษจำคุกตลอดชีวิตชายที่มีอาการโรคจิตเภทแบบหวาดระแวงผู้หนึ่ง ซึ่งพยายามที่จะตัดศีรษะผู้โดยสารคนหนึ่งในสถานีรถไฟใต้ดินของลอนดอนเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว โดยที่ชายผู้นี้ได้แรงบันดาลใจจากกลุ่มไอเอส
ย้อนกลับไปในปี 2013 ชาวอังกฤษซึ่งหันไปนับถือศาสนาอิสลาม 2 คน ได้ก่อเหตุสังหารทหารผู้หนึ่งด้วยของมีคม ตอนช่วงกลางวันแสก ๆ