เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - แพทย์และเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ในพื้นที่เมืองซาราเคบ (Saraqeb) ทางตอนเหนือของซีเรียยืนยันว่า พบเห็นเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งได้หย่อนสารแก๊สพิษคลอรีนต้องสงสัยจำนวนหนึ่งลงสู่พื้นที่ มีผู้ได้รับผลกระทบไปแล้วไม่ต่ำกว่า 30 คน ในเบื้องต้นยังไม่ทราบว่าเป็นฝีมือของฝ่ายใด ซึ่งบริเวณที่ถูกโจมตีนี้เป็นจุดเดียวกับที่เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพรัสเซียถูกยิงตกไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้
บีบีซีรายงานวันนี้ (2 ส.ค.) ว่า มีผู้ป่วยหลังจากได้รับสารพิษแก๊สคลอรีนราว 30 คนในพื้นที่เมืองซาราเคบ (Saraqeb) จ.อิดลิบ (Idlib) โดยนายแพทย์ อับเดล อาซิส บารีช (Dr. Abdel Aziz Bareeh) ซึ่งทำงานอยู่ในพื้นที่ได้ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีว่า ช่วงกลางดึกของวันจันทร์ (1 ส.ค.) พบเห็นเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งได้หย่อนสารแก๊สพิษคลอรีนจำนวน 2 บาร์เรลลงในพื้นที่
“เรารู้อย่างแน่ชัดว่าเป็นแก๊สคลอรีนเพราะเคยถูกโจมตีจากแก๊สพิษชนิดนี้มาแล้วในอดีต ซึ่งทำให้คุ้นเคยกับกลิ่นและอาการป่วยจากการได้รับสารพิษตัวนี้….และมาถึงปัจจุบันนี้ได้รับรายงานผู้ได้รับผลกระทบจำนวน 28 รายที่ได้รับการยืนยัน โดยส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง” บารีชให้ความเห็น
บีบีซีรายงานเพิ่มเติมว่า ด้านโฆษกกลุ่มเอ็นจีโอ ซีเรีย ซิวิล ดีเฟนซ์ (Syria Civil Defence) ซึ่งเป็นหน่วยงานอาสาสมัครอิสระค้นหาและกู้ภัยแถลงว่า มีผู้ได้รับสารพิษแก๊สคลอรีนถึง 33 คน โดยเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานแห่งนี้อ้างว่า สงสัยว่าถังบาร์เรลนั้นอาจบรรจุสารแก๊สพิษคลอรีน แต่ทว่าไม่สามารถยืนยันได้
โดยรอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมว่า โฆษกของทางกลุ่มยังให้ความเห็นเพิ่มเติมต่อว่า “ถังบาร์เรลขนาดกลางบรรจุสารพิษอยู่ด้านใน แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นสารแก๊สพิษประเภทใด”
ด้านหน่วยงานสังเกตการณ์ซีเรียเพื่อสิทธิมนุษยชน SOHR ที่มีฐานอยู่ในอังกฤษได้ออกมายืนยันถึงการโจมตีด้วยแก๊สพิษในเมืองซาราเคบของคืนวันจันทร์ (1 ส.ค.) ด้วยเช่นกัน
โดยในแถลงการณ์ของทางกลุ่มระบุว่า มีพลเมืองซีเรียจำนวนมากได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีด้วยอาวุธเคมีประเภทนี้ รอยเตอร์รายงาน
ด้านบีบีซีรายงานเพิ่มเติมต่อว่า สารเคมีคลอรีนนั้นถูกใช้ในแวดวงอุตสาหกรรมทั่วไป แต่สามารถนำมาทำเป็นอาวุธเคมีได้ และได้ถูกห้ามในอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี สื่ออังกฤษรายงานต่อ
ซึ่งผู้ได้รับแก๊สพิษคลอรีนนั้นจะเกิดอาการระคายเคืองดวงตาอย่างรุนแรง รวมไปถึงผิวหนัง เกิดอาการหายใจติดขัด และเลือดไหลออกทางปาก
บีบีซีรายงานว่า ในวันจันทร์ (1 ส.ค.) การตกของเฮลิคอปเตอร์กองทัพรัสเซียถือเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงมากที่สุดนับตั้งแต่รัสเซียได้เข้าร่วมสงครามต่อต้านก่อการร้าย IS ด้วยการโจมตีทางอากาศ ในเบื้องต้นยังไม่ทราบแน่ชัดว่าฝ่ายใดเป็นผู้ยิงเฮลิคอปเตอร์ลำนี้
นอกจากนี้ ในความเคลื่อนไหวอื่นๆ พบว่ายังคงเกิดการปะทะอย่างต่อเนื่องใกล้กับอเลปโป ซึ่งฝ่ายกบฏซีเรียพยายามฝ่าวงล้อมของฝ่ายรัฐบาลซีเรีย
