เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรี ไฮเดอร์ อัล-อาบาดี ของอิรัก หารือกับคณะนายทหารระดับท็อปของอเมริกา ที่กรุงแบกแดดในวันอาทิตย์ (31 ก.ค.) เพื่อถกแถลงกันเกี่ยวกับแผนการในการขับไล่กลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ให้ออกไปจากเมืองโมซุล นครใหญ่อันดับที่ 2 ของประเทศ ทั้งนี้ ตามคำแถลงของสำนักนายกรัฐมนตรีอิรัก
วอชิงตันนั้นกำลังเป็นผู้นำกลุ่มพันธมิตรนานาชาติที่เปิดการถล่มโจมตีใส่พวกไอเอส นอกจากนั้นยังจัดการฝึกอบรม, ให้คำแนะนำ และให้ความสนับสนุนอย่างอื่นๆ แก่กองกำลังอาวุธของรัฐบาลอิรัก
อาบาดี และ พล.อ.โจเซฟ ดันฟอร์ด ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐฯ หารือกันเพื่อเพิ่มพูน “ความร่วมมือระหว่างประเทศทั้งสองในเรื่องการฝึกอบรมและการติดอาวุธ, การสนับสนุนอิรักอย่างต่อเนื่องของกลุ่มพันธมิตรนานาชาติ ... และแผนการต่างๆ ในการปลดแอกโมซุล” คำแถลงของสำนักนายกรัฐมนตรีอิรักระบุ
กองกำลังอาวุธต่างๆ ของฝ่ายรัฐบาลอิรักเวลานี้กำลังออกปฏิบัติการด้านต่างๆ ที่เป็นเสมือนการแผ้วถางจัดเตรียมเวทีสำหรับการรุกโจมตีเมืองโมซุล ซึ่งฝ่ายไอเอสตีชิงเอาไปได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2014 อย่างไรก็ตาม การบุกใหญ่ครั้งสุดท้ายเพื่อยึดเมืองนี้กลับคืนมาน่าจะยังต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนจึงจะเริ่มต้นขึ้นได้
รัฐมนตรีกลาโหม คอลิด อัล-โอเบดี ระบุว่า เหล่าผู้นำไอเอสและครอบครัวของพวกเขาได้พากันขายทรัพย์สินต่างๆ และหลบหนีเข้าไปอยู่ในโมซุล ขณะที่กองกำลังของรัฐบาลอิรักรุกคืบหน้าเข้าไปเรื่อยๆ
โมซุลเป็นเมืองใหญ่แห่งสุดท้ายในแผ่นดินอิรักที่ฝ่ายไอเอสยังสามารถยึดครองเอาไว้ ทว่า รัฐบาลจะตีชิงกลับคืนมาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นอกจากนั้นการปฏิบัติการดังกล่าวอาจก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรม หากไม่มีแผนการรองรับประชาชนผู้ซึ่งน่าจะหลบหนีเมื่อเกิดการสู้รบใหญ่ขึ้นมา
สภากาชาดแถลงว่า เชื่อว่าอาจมีชาวอิรักจำนวนสูงถึง 1 ล้านคนกลายเป็นคนพลัดที่นาคาที่อยู่ ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้าจากการทำศึกปราบปรามไอเอส ซึ่งก็รวมไปถึงการเปิดยุทธการตีเมืองโมซุลกลับคืนด้วย
กลุ่มไอเอสสามารถตีชิงเอาพื้นที่ผืนใหญ่ๆ ทางตอนเหนือและทางด้านตะวันตกของแบกแดดมาไว้ในครอบครองเมื่อปี 2014 แต่หลังจากนั้นก็เสียที่มั่นสำคัญๆ ให้แก่กองกำลังฝ่ายรัฐบาลอิรักอยู่เรื่อยๆ