รอยเตอร์ - สหรัฐฯ ได้ขับไล่นักการทูตรัสเซีย 2 คนเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. เพื่อตอบโต้กรณีตำรวจแดนหมีขาวทำร้ายนักการทูตสหรัฐฯ ที่ประจำอยู่ในกรุงมอสโกเมื่อช่วงต้นเดือนเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลง
“เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. เราได้ขับไล่เจ้าหน้าที่รัสเซีย 2 คนออกจากสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้เหตุโจมตีที่เกิดขึ้น” จอห์น เคอร์บีย์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน โดยปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับการขับไล่ทูตครั้งนี้
ระหว่างแถลงรายละเอียดครั้งแรกเกี่ยวกับเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. เคอร์บีย์ได้ปฏิเสธข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งอ้างว่าการที่ตำรวจรัสเซียขอตรวจค้นเอกสารของนักการทูตชาวอเมริกัน ก็เพื่อคุ้มกันความปลอดภัยให้แก่สถานทูตสหรัฐฯ
“เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. นักการทูตสหรัฐฯ ได้แสดงตนตามระเบียบในการเข้าถึงบริเวณสถานทูตทุกประการ แต่กลับถูกตำรวจรัสเซียทำร้าย” เคอร์บีย์ กล่าว
“พฤติกรรมดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการยั่วยุ และถือเป็นการคุกคามสวัสดิภาพของบุคลากรของเรา ดังนั้น การที่รัสเซียอ้างว่าตำรวจนายนี้พยายามปกป้องสถานทูตจึงไม่เป็นความจริง”
โฆษกหญิงของกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย แถลงว่า ตำรวจเพียงแต่พยายามขอตรวจสอบเอกสารของนักการทูตสหรัฐฯ เพื่อให้มั่นใจว่าเขาไม่ใช่คนร้าย แต่กลับถูกนักการทูตคนดังกล่าวใช้ศอกฟาดเข้าที่ใบหน้า
เธอระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวแท้ที่จริงคือ “สายลับซีไอเอ” ที่แฝงตัวมาในคราบนักการทูต
ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-รัสเซียตกอยู่ในภาวะเขม็งเกลียว ทั้งจากสงครามในซีเรีย และเรื่องที่มอสโกใช้กำลังช่วงชิงคาบสมุทรไครเมียไปจากยูเครนเมื่อปี 2014 นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังกล่าวหาว่ารัสเซียพยายามข่มขู่นักการทูตอเมริกันด้วย
เมื่อวันพฤหัสบดี (7) เคอร์บีย์เปิดเผยว่า รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ จอห์น เคร์รี เคยหยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยกับ เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศหมีขาว เมื่อวันที่ 7 มิ.ย, และวอชิงตันต้องการคลี่คลายปัญหานี้ผ่านการเจรจาลับๆ ระหว่างรัฐบาล