เอเอฟพี/MGRออนไลน์ - รัฐบาลบังกลาเทศออกแถลงการณ์วันอาทิตย์ (3 ก.ค.) ยืนยันว่า กลุ่มก่อการร้ายบุกจับตัวประกันนาน 12 ชม. ไม่ใช่กลุ่มติดอาวุธ IS อย่างที่เข้าใจแต่แรก แต่เป็นกลุ่มจามา อาตุล มูจาฮีดีน (Jamaeytul Mujahdeen Bangladesh) โดยระบุจากชุดเครื่องแบบของกลุ่มติดอาวุธ และไม่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย IS ซึ่ง อซาดุซซามาน ข่าน (Asaduzzaman Khan) รัฐมนตรีมหาดไทยบังกลาเทศ ระบุว่า สมาชิกผู้ก่อเหตุล้วนมีการศึกษาและฐานะดี ซึ่งเข้าร่วมกลุ่มก่อการร้ายเพราะการก่อการร้ายกลายเป็นแฟชันได้รับความนิยมในขณะนี้
เอเอฟพีรายงานล่าสุด ว่า อซาดุซซามาน ข่าน (Asaduzzaman Khan) รัฐมนตรีมหาดไทยบังกลาเทศออกแถลงการณ์ในวันนี้ (3 ก.ค.) ว่า กลุ่มก่อการร้ายที่ลงมือก่อเหตุยึดโฮเลย์ อาร์ติซาย เบเกอรี และ คาเฟ่ (Holey Artisan bakery and cafe) กลางกรุงธากา นั้น ไม่ใช่กลุ่มก่อการร้าย IS อย่างที่เข้าใจแต่แรก แต่เป็นกลุ่มก่อการร้ายท้องถิ่น “คนเหล่านี้เป็นสมาชิกของกลุ่มจามา อาตุล มูจาฮีดีน (Jamaeytul Mujahdeen Bangladesh)” ข่าน ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี โดยชี้ว่ากลุ่มนี้ถูกธากาสั่งให้เป็นกลุ่มนอกกฎหมายมานานหลายสิบปี และยังให้ความเห็นต่อว่า “กลุ่มนี้ไม่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้าย IS”
ซึ่งทางบังกลาเทศได้ระบุว่า ฝีมือกลุ่มก่อการร้ายจามา อาตุล มูจาฮีด เนื่องมาจากชุดเครื่องแบบของสมาชิกในขณะในลงมือก่อเหตุ
แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ กลุ่มก่อการร้าย IS ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในอิรัก ซีเรีย และข้ามไปยังลิเบียได้ออกมาประกาศความรับผิดชอบการโจมตีคาเฟ่ที่นำไปสู่การเสียชีวิตของตัวประกัน 20 คน รวมไปถึงตำรวจบังกลาเทศอีก 2 นาย ที่เหตุการณ์ได้ยุติลงในวันเสาร์ (2 ก.ค.) หลังจากที่ยืดเยื้อมานานถึง 12 ชม. โฮเลย์ อาร์ติซาย เบเกอรี และ คาเฟ่ ที่มีชาวต่างชาติไปบริการอย่างคับคั่ง
โดยเอเอฟพีชี้ว่า ธากาได้ปฏิเสธตลอดมาถึงปฏิบัติการกลุ่มก่อการร้ายจากนอกประเทศ ลงมือก่อเหตุอุกอาจในดินแดนของบังกลาเทศ และล่าสุด ตำรวจสอบสวนคดีได้เผยแพร่ชื่อและภาพของสมาชิกกลุ่มติดอาวุธทั้ง 6 คน ที่เสียชีวิตในปฏิบัติการยึดคืนของธากาแล้ว ในขณะที่สมาชิกก่อการร้ายคนที่ 7 ที่ไม่ได้ถูกสังหารได้ถูกส่งตัวไปให้ทางหน่วยข่าวกรองเค้นหาความจริง
และมีรายงานว่า กลุ่มผู้ลงมือเป็นผู้ที่มีการศึกษาดี และล้วนมาจากครอบครัวที่มีฐานะ ซึ่งรัฐมนตรีมหาดไทย ชี้ว่า “คนเหล่านี้เป็นกลุ่มที่มีการศึกษา และได้เข้ารับการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยทั้งสิ้น และไม่มีใครเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาที่เรียกว่า madrassa”
อย่างไรก็ตาม เอเอฟพีได้ซักถามข่าน ว่า เหตุใดคนเหล่านี้จึงต้องการเป็นมือโจมตีก่อการร้าย ข่าน ตอบกลับมาเพียงว่า “เป็นแฟชั่นกำลังอยู่ในสมัยนิยมในขณะนี้”
