นอร์เวย์ยกระดับทางทหารครั้งใหญ่สุดตั้งแต่สงครามเย็น ป้องกันภัยคุกคามจากรัสเซีย

เอเอฟพี - นอร์เวย์ในวันศุกร์(17มิ.ย.) แถลงแผนต่างๆสำหรับพยายามยกระดับทางทหารครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น เพื่อเพิ่มการป้องกันตนเองจากพฤติกรรมที่คาดเดายากขึ้นเรื่อยๆของรัสเซีย

ประเทศในสแกนดิเวียและสมาชิกนาโต้แห่งนี้ มีแผนเสริมเครื่องบินขับไล่และเรือดำน้ำใหม่ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการปกป้องตนเองจากชาติเพื่อนบ้านอย่างรัสเซีย ซึ่งมีชายแดนแถบอาร์กติคร่วมกัน

ในรายละเอียดของกฎหมายแผนงานทางการทหาร(military programming law)ฉบับหนึ่งที่เสนอโดยรัฐบาล ระบุว่าในช่วง 20 ปีข้างหน้า นอร์เวย์จะเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม 165,000 ล้านโครเนอร์(ราว 17,500 ล้านยูโรหรือ7แสนล้านบาท)

"เคราะห์ร้ายที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กรณีแวดล้อมทางภูมิรัฐศาสตร์ได้เปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงอย่างมาก" นางเออร์นา โซลเบิร์ก นายกรัฐมนตรีนอร์เวย์แถลงกล่าวในกรุงออสโล "เราต้องเผชิญกับเพื่อนบ้านที่คาดเดาไม่ได้ในทางตะวันออก ซึ่งกำลังเสริมแสนยานุภาพทางทหาร และแสดงถึงความตั้งใจว่าจะใช้กำลังทหารเป็นเครื่องมือทางการเมือง"

กฎหมายแผนงานทางการทหารมีเป้าหมายยกระดับกองทัพทั้งผ่านการบำรุงรักษาทรัพยากรที่มีอยู่ในปัจจุบันและซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่ๆ

คาดหมายว่านอร์เวย์จะซื้อเครื่องบินรบ F-35 จำนวน 52 ลำและเรือดำน้ำ 4 ลำ เช่นเดียวกับเครื่องบินลาดตระเวนใหม่แก่กองทัพเรือเพื่อทดแทนเครื่องบิน พี-3 โอไรออน อายุเก่าเก็บ 6 ลำ

รายจ่ายพิเศษนี้จะทำให้งบประมาณด้านการทหารของนอร์เวย์จะมุ่งหน้าสู่ระดับ 2.0 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ซึ่งทางนาโต้กำหนดไว้ว่าห้ามเกินนี้

โซลเบิร์ก บอกว่ากองทัพของประเทศในปัจจุบันไม่เพียงพอรับมือกับสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ พร้อมระบุว่านี่คือความพยายามป้องกันตนเองครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น

ขณะเดียวกัน ฟินแลนด์ อีกหนึ่งชาติในสแกนดิเนเวีย ระบุในรายงานสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่เผยแพร่ในวันศุกร์(17มิ.ย.) ว่าไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ที่เพื่อนบ้านอย่างรัสเซียจะใช้กำลังทหารกับพวกเขา ขณะที่นายทิโม ซอยนี รัฐมนตรีต่างประเทศบอกว่าพฤติกรรมของมอสโกก่อให้การเกิดการเปลี่ยนแปลงทางพื้นฐานด้านความมั่นคงของยุโรป

ประเทศแห่งนี้ ซึ่งมีชายติดร่วมกับรัสเซียยาวที่สุดของสหภาพยุโรป ได้ยกระดับความร่วมมือกับนาโต้ตามลำดับ หลังจากรัสเซียยึดและผนวกไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งในดินแดนเมื่อปี 2014 และเข้าไปยุ่งเกี่ยวในวิกฤตความขัดแย้งทางภาคตะวันออกของยูเครน

ฟินแลนด์ ซึ่งมีชายแดนร่วมกับรัสเซียถึง 1,340 กิโลเมตร เคยถูกเพื่อนบ้านมหาอำนาจโจมตีระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่พยายามคงสัมพันธ์อันเป็นมิตรกับมอสโกมาตั้งแต่นั้น อย่างไรก็ตามความตึงเครียดได้ขยายตัวขึ้น เมื่อเครื่องบินรบรัสเซียบินวนรอบๆเรือของกองทัพเรือสหรัฐฯในทะเลบอลติกเมื่อเดือนเมษายน และนาโต้เพิ่มประจำการทางทหารในฟินแลนด์ รวมถึงซ้อมรบในพื้นที่