เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียออกมาระบุในวันนี้ (2 ก.ย.) ว่านาโต้กำลังทำให้สถานการณ์ความตึงเครียดสูงขึ้น จากการที่จะเพิ่มกำลังทหารเข้าไปในยุโรปตะวันออก ดังนั้นทางรัสเซียจะมีการปรับนโยบายในการป้องกันประเทศเพื่อรับมือกับเรื่องนี้
มิฮาอิล โปปอฟ รองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอาร์ไอเอ-โนวอสตี โดยระบุว่า การดำเนินการตามแผนของนาโต้ที่จะอนุมัติกันในการประชุมระดับผู้นำสัปดาห์นี้ คือหลักฐานสำคัญว่าทางสหรัฐฯ และผู้นำนาโต้ยังคงเดินหน้าใช้นโยบายที่เพิ่มความตึงเครียดกับรัสเซีย
เขาระบุว่า เมื่อถึงเวลาที่รัสเซียปรับนโยบายด้านกลาโหมช่วงปลายปีนี้ การที่บรรดาชาติพันธมิตรนาโต้พยายามจัดวางโครงสร้างทางการทหารเอาไว้ที่บริเวณชายแดนของรัสเซีย จะถูกพิจารณาว่าเป็นเป็นภัยคุกคามทางทหารจากต่างชาติประการหนึ่งต่อดินแดนหมีขาว
ทั้งนี้ ระหว่างการประชุมที่เวลส์ในวันพฤหัสบดีและศุกร์ที่กำลังจะมาถึงนี้ (4-5 ก.ย.) คาดว่าบรรดาผู้นำของชาติสมาชิกนาโต้ จะอนุมัติการจัดส่งกองกำลังทหารนาโต้หลายพันคน พร้อมด้วยยุทโธปกรณ์ เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในยุโรปตะวันออก
ในขณะที่นาโต้ตั้งใจจะใช้การส่งกำลังทหารเช่นนี้มาเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนให้กับประเทศที่เคยเป็นอดีตสหภาพโซเวียต แต่ความพยายามครั้งนี้ก็สร้างความขุ่นเคืองให้กับรัสเซีย และเป็นการท้าทายต่อความเข้าใจเดิมๆ ระหว่างรัสเซียกับนาโต้ ว่านาโต้จะไม่ส่งกำลังทหารและอาวุธไปประจำในประเทศสมาชิกรายใหม่ๆ อย่างในยุโรปตะวันออก ซึ่งอยู่ติดกับดินแดนหมีขาว
การเพิ่มกำลังทหารเข้าไปในยุโรปตะวันออกของนาโต้ จะเป็นลักษณะของการส่งกำลังทหารเข้าไปสับเปลี่ยนหมุนเวียนในประเทศสมาชิกที่มีสิ่งปลูกสร้างด้านการทหารสมัยใหม่ พร้อมด้วยยุทโธปกรณ์ที่จัดเตรียมไว้แล้ว ซึ่งจะช่วยให้รับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ทันท่วงที
และเนื่องจากทหารเหล่านี้ไม่ได้ประจำการถาวร บรรดาชาติพันธมิตรนาโต้จึงมองว่าไม่ขัดต่อข้อตกลงที่นาโต้กับรัสเซียทำร่วมกันเมื่อปี 1997 ซึ่งตอนนั้นถูกนำมาใช้แก้ปัญหาชายแดนยุโรปหลังช่วงสงครามเย็น
แนวคิดเรื่องเพิ่มกำลังทหารนาโต้เข้าไปในประเทศอดีตสหภาพโซเวียต ได้เริ่มใช้ในประเทศแถบทะเลบอลติกในปี 2004 จนมาสร้างความปวดร้าวให้กับรัสเซียในขณะนี้
โปปอฟ ระบุว่า สหรัฐอเมริกาและนาโต้เคยย้ำว่าพวกเขาไม่ใช่ศัตรูและจะไม่มีวันโจมตีรัสเซีย แต่สิ่งที่เห็นอยู่ตอนนี้มันคืออะไร ?
"พวกเขาย้ำให้เรามั่นใจในเจตนาที่ดีของพวกเขามาโดยตลอด แต่การกระทำในช่วงหลังๆ มันช่างต่างกับที่พูดไว้อย่างสิ้นเชิง" โปปอฟ กล่าว