เอเจนซีส์ - ญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลตัวเลขในวันพฤหัสบดี (16 มิ.ย.) ว่า มีประชากรสมองเสื่อม เพราะความชราถูกแจ้งสูญหายไปเป็นจำนวนมากในปีที่แล้ว ตอกย้ำให้เห็นว่าประเทศกำลังต่อสู้กับปัญหาเรื่องการดูแลผู้ที่ตกอยู่ในสภาพดังกล่าวที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่น ระบุว่า มีผู้สูงอายุสมองเสื่อม 12,208 ราย ที่ถูกแจ้งสูญหายในปี 2015 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,452 ราย ส่วนใหญ่แค่เดินเตร็ดเตร่ออกไป แล้วก็ตามหาเจอในเวลาไม่กี่วัน แต่มี 479 รายที่ถูกพบเสียชีวิต กับอีก 150 ราย ที่ยังหาไม่เจอ
ด้วยจำนวนผู้ที่มีอายุมากกว่า 64 ปี คิดเป็นสัดส่วนกว่า 1 ใน 4 ของประชากรทั้งหมด 128 ล้านคน ญี่ปุ่นนั้นอยู่หัวแถวในการหาวิธีจัดการความท้าทายจากสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งรวมถึงความอัปยศที่เกิดขึ้นกับผู้คนที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ และอาการสมองเสื่อมรูปแบบอื่น ๆ
อาการสมองเสื่อมเกิดขึ้นกับผู้คนประมาณ 4.6 ล้านรายในญี่ปุ่น และทำนายว่า จะเพิ่มขึ้นเป็น 7 ล้านภายในปี 2025 คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 1 ใน 5 ของผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
ภายใต้ “แผนสีส้ม” ที่ประกาศเมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลจะใช้เงิน 22.5 พันล้านเยนในปีนี้ เพื่อฝึกฝนผู้เชี่ยวชาญ พัฒนาการวินิจฉัยโรคในระยะแรก และขยายการดูแลในชุมชนเพื่อบรรเทาความกดดันของสมาชิกในครอบครัว ที่ต้องออกจากงานเพื่อมาดูแลผู้สูงอายุ
การสำรวจในช่วงที่่ผ่านมา 40 เปอร์เซ็นต์ ของครอบครัวที่ออกตามหาญาติผู้สูญหาย ระบุว่า พวกเขาไม่อาจให้การดูแลผู้สูงอายุที่บ้านได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ 70 เปอร์เซ็นต์ บอกว่า การต้องรับผิดชอบดูแลผู้สูงอายุถือเป็นภาระหนัก
มีการประเมินว่า ผู้คนราว 100,000 รายต้องออกจากงานในทุกปีเพื่อกลับมาดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งรวมถึงกลุ่มที่มีอาการสมองเสื่อมด้วย ถือเป็นตัวเลขที่นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ได้รับปากว่าจะทำให้ลดลงเหลือศูนย์ภายในปี 2025 ซึ่งเป็นตอนที่คนรุ่นเบบี้บูมในญี่ปุ่นจะมีอายุ 75 ปีขึ้นไป