เอเจนซีส์ – อดีตประธานาธิบดีไต้หวัน หม่า อิงจิ่ว ถูกรัฐบาลไต้หวันประกาศห้ามไม่ให้เดินทางไปเยือนฮ่องกง อ้างไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมเพราะเพิ่งลงจากอำนาจ โดยสื่อจีน เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์อ้างคำพูดนักวิเคราะห์ การประกาศห้ามยิ่งตอกย้ำความแตกแยกระหว่างขั้วการเมืองบนเกาะไต้หวัน
เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานวันนี้(14 มิ.ย)ว่า ในวันอาทิตย์(12 มิ.ย)ที่ผ่านมา สำนักงานประธานาธิบดีไต้หวันของไช่ อิงเหวิน ได้ปฎิเสธคำขอการเดินทางออกนอกประเทศเพื่อไปเยือนฮ่องกงของอดีตประธานาธิบดีไต้หวัน หม่า อิงจิ่ว โดยให้เหตุผลถึงความไม่เหมาะสมในการเยือนครั้งนี้ว่า เนื่องจากหม่าเพิ่งก้าวลงจากอำนาจเมื่อไม่นานมานี้ และอีกทั้งยังเป็นผู้รู้ความลับราชการของไต้หวันเป็นอย่างดี ซึ่งไม่เหมาะกับการเยือนฮ่องกงที่ยังอยู่ในสถานการณ์การเมืองที่อ่อนไหว และไต้หวันยังไม่สามารถได้รับความร่วมมือระดับท้องถิ่นในการให้การให้การรักษาความปลอดภัยแก่หม่าได้
และเหตุผลต่างๆเหล่านี้ สื่อจีนระบุว่า แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไต้หวันชุดใหม่ภายใต้การบริหารของไช่ไม่ต้องการให้หม่า อดีตผู้นำไต้หวันสามารถมีเวทีในระดับนานาชาติเพื่อประกาศความสำเร็จภายใต้การบริหารประเทศของเขาในการสร้างเสถียรภาพความสัมพันธ์ระหว่างช่องแคบไต้หวันได้สำเร็จ
เซาท์มอร์นิงไชน่ารายงานต่อว่า ทั้งนี้หม่าต้องการเยือนฮ่องกงเพื่อร่วมพิธีประกาศรางวัลที่จัดโดย Society of Publishers ในเอเชีย และในงานครั้งนี้หม่ามีกำหนดที่ต้องขึ้นกล่าวแสดงสุนทรพจน์ถึงความสำเร็จในการสร้างเสถียรภาพสองฝั่งช่องแคบไต้หวันและการทูตเอเชียตะวันออก
และหลังจากที่มีการแถลงการณ์ปฎิเสธคำขอเดินทางเยือนฮ่องกง ทำให้หม่าออกมาประณามว่า เป็นการตัดสินใจที่มีการเมืองอยู่เบื้องหลัง “นี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วหรือ นี่เป็นสิ่งที่มีเหตุผลในการออกคำสั่งมาเช่นนี้” หม่าให้สัมภาษณ์กับนักข่าวบริเวณหน้าบ้านพักกลางกรุงไทเปเมื่อเขาถูกตั้งคำถามถึงเรื่องนี้ และหม่ากล่าวต่อว่า “แต่ผมคิดว่า คงมีความเห็นที่เป็นธรรม(เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้)เกิดขึ้นในสังคมแล้ว”
สื่อจีนรายงานว่า จากกฎหมายว่าด้วยการปกป้องความลับข้อมูลราชการสูงสุด อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไต้หวันที่มีสิทธิเข้าสู่ชั้นความลับประเทศจะถูฏจำกัดการเดินทางออกนอกประเทศเป็นเวลา 3 ปีนับตั้งแต่หลังจากการก้าวลงจากอำนาจ
ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญต่างๆได้ออกมาให้ความเห็นในเรื่องนี้เป็นต้นว่า รองศาสตราจารย์บรูซ เหลา ยวน-เหา (Bruce Liao Yuan-hao) ประจำคณะกฎหมายจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติเจิ้งจื้อ(National Chengchi University)ในกรุงไทเปให้ความเห็นว่า “โดยปราศจากการยืนยันอย่างเจาะจงว่ามีความลับใดบ้างที่อดีตประธานาธิบดีหม่าได้เข้าถึง เป็นต้นว่าการตัดสินใจเช่นนั้นจะชี้ได้ว่า หม่าจะแพร่งพรายความลับของประเทศให้คนอื่นได้ล่วงรู้” และผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายจากไต้หวันยังกล่าวอีกว่า “ซึ่งนี่ไม่ใช่แค่การไม่ให้เกียร์ติ แต่ยังแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลชุดใหม่ของไช่ อิงเหวินไม่เชื่อใจในอดีตผู้นำของตนอย่างลึกซึ้ง”
ในขณะที่ศาสตราจารย์ อเล็กซานเดอร์ หวัง เชง-เจีย( Alexander Wang Cheng-chieh) ด้านการศึกษายุทธศาสตร์และอเมริกัน(American and strategic studies) ประจำมหาวิทยาลัยตัมกั่ง( Tamkang) ของไต้หวันได้ออกมาให้ความเห็นว่า “การออกมาปฎิเสธห้ามครั้งนี้จะยิ่งเป็นการตั้งคำถามต่อความจงรักภักดีของหม่าที่มีต่อไต้หวัน” และยังกล่าวต่อว่า “สิ่งนี้ไม่ได้ช่วยทำให้สมานแผลการแบ่งขั้วการเมืองในประเทศเกาะแห่งนี้ได้เลย”
ด้านศาสตราจารย์ เหลียว ดาจี (Liao Da-chi) ประจำสถาบันบัณฑิตศึกษาด้านการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยแห่งชาติซุนยัตเซน เขตเกาสง ไต้หวัน ให้ความเห็นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดจะยิ่งทำให้ความหวังของประธานาธิบดีไช่ยิ่งริบหรี่ลงไปในความหวังที่จะสามารถสมานฉันท์ทางการเมืองระหว่างขั้วสีเขียว สายอิสระ และขั้วสีฟ้าที่อิงปักกิ่งได้สำเร็จ
โดยเหลียวให้ความเห็นเพิ่มเติมต่อว่า เห็นได้ชัดว่าไช่ได้ยอมค้อมหัวให้กับความกดดันจากพรรคการเมือง DPP แล้ว ที่ได้ชี้ว่าคำขอเดินทางออกนอกประเทศของหม่าสมควรที่จะถูกปฎิเสธ “แต่หากอดีตประธานาธิบดีหม่าได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศไปยังฮ่องกงได้ นี่จะเท่าเป็นการส่งสัญญาณบวกให้กับทางปักกิ่งได้รับรู้ และจะเป็นการทำให้โลกได้เห็นว่า ไต้หวันเป็นชาติที่เสรีและเป็นประชาธิปไตย”
ในขณะที่เหลา ซุย ไก(Lau Siu-kai)รองประธานสมาพันธ์แห่งการศึกษาฮ่องกงและมาเก๊า และยังเป็นอดีตหัวหน้าหน่วยงานออกนโยบายกลางไต้หวัน ได้ให้ความเห็นว่า พรรครัฐบาลไต้หวัน DPP อาจไม่ต้องการเห็นหม่ายังคงมีบทบาททางการเมืองนอกเกาะไต้หวันก็เป็นได้