เอเอฟพี - เครือข่ายพลเมืองอินโดนีเซียต่างออกมาแสดงความโกรธแค้น หลังปรากฏคลิปวิดีโอหญิงชราคนหนึ่งร้องไห้อย่างน่าเวทนา ในขณะที่ร้านขายอาหารกลางวันของเธอถูกเจ้าหน้าที่รัฐบุกทลายอย่างไร้ความปรานี โดยฝ่ายเจ้าหน้าที่นั้นอ้างว่าอยู่ในช่วงของเดือนรอมฎอนที่ประชาชนจะต้องถือศีลอด
คลิปวิดีโอซึ่งบันทึกภาพหญิงชราวัย 53 ปี กำลังวิงวอนขอความเมตตาจากเจ้าหน้าที่ไม่ให้ยึดอาหารของเธอไป ถูกแชร์ต่อ ๆ กันอย่างรวดเร็วในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีการระดมเงินบริจาคจากผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ได้เกือบ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อนำไปช่วยเหลือคุณป้าและผู้ค้าอาหารรายอื่น ๆ
เดือนรอมฎอนถือเป็นเดือนศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวมุสลิมทั่วโลกจะงดเว้นจากการกินดื่ม ตั้งแต่รุ่งสางเรื่อยไปจนกระทั่งดวงอาทิตย์ตก และการบุกทลายร้านอาหารที่เปิดขายเวลากลางวันในเดือนนี้ก็เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีในอินโดนีเซีย
อย่างไรก็ตาม กรณีของคุณป้าแซนี (Saeni) ซึ่งเปิดร้านขายอาหารอยู่ที่เมืองเซรัง (Serang) จังหวัดบันเติน (Banten) ทางตะวันตกของกรุงจาการ์ตา ได้กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในสังคมอิเหนาขณะนี้ เนื่องจากคนส่วนใหญ่มองว่าเจ้าหน้าที่รัฐทำเกินกว่าเหตุ
“คุณต้องให้เกียรติคนที่ไม่ได้ถือศีลอดบ้างสิ เจ้าหน้าที่จะโหดร้ายไปถึงไหน” เอลิซาเบธ อ็อกโตฟานี ผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่ง ระบุ
ป้าแซนีให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า เธอมีหนี้สินเยอะ จึงจำเป็นต้องเปิดขายช่วงกลางวันเพื่อให้มีรายได้เพิ่ม
ประธานาธิบดี โจโค วิโดโด แห่งอินโดนีเซีย ได้ออกมาประณามการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ และขอให้ผู้ใต้บังคับบัญชาร่วมกันบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ค้าที่ตกเป็นเหยื่อด้วย ขณะที่โฆษกประธานาธิบดี ระบุว่า การปราบปรามผู้ขายอาหารในเดือนรอมฎอน “ไม่มีเหตุอันสมควร”
จากคลิปวิดีโอจะเห็นเจ้าหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย (public order officers) ซึ่งทำหน้าที่สนับสนุนภารกิจของตำรวจ แต่มีอำนาจตามกฎหมายน้อยกว่า เดินเข้าไปในร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งมีอาหารในตู้กระจกเพียงไม่กี่อย่าง และมีโต๊ะ - เก้าอี้ เก่า ๆ สำหรับลูกค้านั่งรับประทานอาหาร
คุณป้าแซนีเจ้าของร้าน ซึ่งสวมหมวกคลุมผมสีฟ้าแบบชาวมุสลิม พยายามขอร้องเจ้าหน้าที่ว่าอย่ายึดอาหารของเธอไป แต่พวกเขาก็ตั้งหน้าตั้งตาเทอาหารใส่ถุงพลาสติก ก่อนจะนำอาหารทั้งหมดเดินออกไปจากร้าน
หน่วยงานท้องถิ่นได้ออกมาแก้ต่างแทนเจ้าหน้าที่ โดยยืนยันว่า ผู้ค้ารายนี้ทำผิดกฎหมาย
ขณะที่ร้านอาหารตามเมืองใหญ่ทั่วอินโดนีเซียสามารถเปิดขายได้ตลอดเวลาในเดือนรอมฎอน แต่กฎหมายท้องถิ่นในเมืองเล็ก ๆ บางแห่งยังคงห้ามจำหน่ายอาหารในเวลาที่ชาวบ้านต้องถือศีลอด
โครงการระดมทุนที่จัดขึ้นเพื่อตอบโต้การบุกทลายร้านอาหารเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (10) สามารถรวบรวมเงินบริจาคได้แล้วกว่า 265 ล้านรูเปียห์ (ประมาณ 700,000 บาท) โดยทางผู้จัดจะนำเงินทั้งหมดไปมอบแก่คุณป้าแซนี และผู้ค้าอาหารรายอื่น ๆ ที่ถูกปราบปรามในช่วงเดือนรอมฎอน
แม้ชาวมุสลิมในอินโดนีเซียส่วนใหญ่จะปฏิบัติตามหลักอิสลามสายกลาง แต่ก็มีบางกลุ่มที่เคร่งครัด และถือแนวทางแบบอนุรักษนิยมสุดโต่ง