เอเจนซีส์ – ปฎิบัติการซ้อมรบนาโตใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี1989 เปิดฉากกลางโปแลนด์พร้อมทหาร 31,000 นาย ที่มีสหรัฐฯเป็นกองกำลังหลัก รวมไปถึงรถถังและอาวุธหนัก ฝูงเครื่องบินขับไล่ 105 ลำจาก 24 ชาติ และเรือรบ 12 ลำในปฎิบัติการรบอนาคอนดา-16 (Anakonda-16) 10 วันปฎิบัติการ ด้านประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ส่งกองกำลังทหารรัสเซียประชิดพรมแดนยูเครนห่างไปแค่30 กม. เตรียมรับ และส่งเรือดำน้ำโจมตีที่มีศักยภาพติดมิสไซล์และจรวดตอร์ปิโด สตารี ออซโคล The Stary Oskol มุ่งหน้าเข้าช่องแคบอังกฤษ แต่ถูกเรือรบอังกฤษเอชเอ็มเอส เคนต์ ( HMS Kent )สะกัดไว้ได้ทัน
เดลีเมล สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(7 มิ.ย)ว่า ภาพการซ้อมรบกองกำลังนาโตครั้งใหญ่ในปฎิบัติการอนาคอนดา-16 (Anakonda-16)เป็นเวลา 10 วันได้เปิดฉากขึ้นแล้วตั้งแต่วันจันทร์(6 มิ.ย) โดยมีรายงานว่ามีทหารเข้าร่วมการซ้อมรบเสมือนจริงครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 31,000 นาย เป็นที่น่าสนใจว่าในจำนวนทั้งหมดนี้เป็นทหารสหรัฐฯถึง 15,000 นาย และทหารโปแลนด์เจ้าบ้าน 12,000 นาย และทหารอังกฤษอีก 1,000 นาย กลางโปแลนด์ ท่ามกลางเสียงประณามจากทูตรัสเซียประจำนาโต อเล็กซานเดอร์ กรัชโก( Aleksandr Grushko) ถึงการซ้อมรบครั้งใหญ่นี้ โดยโต้ว่า ***“รัสเซียไม่เคยมีแผนการรุกรานโปแลนด์ หรือการปรึกษาหารือในเรื่องนี้”*** RT สื่อรัสเซียรายงานในวันอังคาร(7 มิ.ย)
ซึ่งในการซ้อมรบเสมือนจริงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การล่มสลายของอดีตสหภาพโซเวียตในปี 1989 สตาร์แอนด์สตริป สื่อความมั่นคงสหรัฐฯรายงานบรรยากาศในวันจันทร์(6 มิ.ย)ว่า ในพิธีเปิดที่มหาวิทยาลัยป้องกันแห่งชาติโปแลนด์ (National Defense University) กลางกรุงวอซอร์ มีการเดินสวนสนามของทหารนานาชาติที่ได้ทำการเข้าร่วม โดยมีนายทหารทำการถือธงของชาติต่างที่เข้าร่วมการฝึกซ้อมรบครั้งประวัติศาสตร์
โดยประธานในพิธีทำการเปิดการซ้อมรบครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมโปแลนด์ อันโทนี มาเซียวิคซ์(Antoni Macierewicz)แถลงว่า การซ้อมรบใหญ่ในโปแลนด์ครั้งนี้เป็นเสมือนการเช็กสภาพความพร้อมรบของพันธมิตรกองกำลังนาโตว่ามีความสามารถในการปกป้องพรมแดนทางตะวันออกได้หรือไม่
ซึ่งมาเซียวิคได้กล่าวว่า จากการรายงานของเดลิเมล ในปฎิบัติการรบอนาคอนดา-16 นี้ จะเป็นครั้งแรกที่หน่วยพลร่มโปแลนด์เข้าร่วม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การรบ ***“เพื่อต่อต้านการรบแบบไฮบริดจ์วอร์แฟร์” (hybrid warfare) ***
ในขณะที่สื่ออังกฤษอธิบายว่า ยุทธศาสตร์การรบของนาโตนี้เป็นการรับมือการรบรูปแบบใหม่ที่ทางรัสเซียได้ใช้ในปฎิบัติการผนวกไครเมียปี 2014 โดยการส่งกองกำลังที่ไม่บอกที่ตั้งสังกัดหน่วยแฝงตัวเข้าไปในสมรภูมรบ ซึ่งแตกต่างจากรูปแบบปกติที่ต้องมีการประกาศสงคราม และนาโตยังอ้างต่อว่า และยุทธศาสตร์การรบแบบไฮบริดจ์วอร์แฟร์นี้ยังถูกใช้ในยูเครนตะวันออกเพื่อขับเคลื่อนการเคลื่อนไหวของกลุ่มหนุนเครมลิน และกลายเป็นความไม่สงบในบริเวณนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมโปแลนด์ได้ประกาศว่า จะเปิดรับอาสาสมัครเพื่อเข้าร่วมหน่วยพลร่มของโปแลนด์ทีมีจำนวนกองกำลัง 35,000 นายเพื่อต่อต้านสงครามไฮบริดจ์ววอร์แฟร์ของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน “วอร์ซอว์จะใช้กองกำลังภาคพื้นใหม่นี้เพื่อเพิ่มขนาดกองทัพในปีหน้าโดยคาดว่าจะมีกองกำลังทั้งหมด 150,000 คน จากแต่เดิมที่มีกองกำลังทั้งหมด 100,000 คน”
ทั้งนี้นอกจากกองกำลังทหารจำนวนมากแล้ว ยังมีการส่งรถถัง รวมไปถึงเครื่องบินรบจาก 24 ประเทศเข้าร่วม โดยเดลิเมลได้ให้รายละเอียดว่า มีรถถังและรถหุ้มเกราะติดอาวุธจำนวน 3,000 คัน เครื่องบินรบ 105 ลำ และเรือรบอีก 12 ลำเข้าร่วม
มีรายงานเพิ่มเติมว่า มี 19 ชาติพันธมิตรนาโต และอีก 5 ชาติพันธมิตรนาโตเข้าร่วมการฝึกบนบก กลางทะเล และบนอากาศไปพร้อมกัน ซึ่งพบว่าในวันจันทร์(6 มิ.ย)มีการแสดงของทหารหน่วยพลร่มนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ซึ่งเดลิเมลรายงานว่ากองกำลังพลร่มสหรัฐฯได้ทำการฝึกกระโดดลงจากเครื่องบินลำเลียงเหนือท้องฟ้ากลางโปแลนด์นอกเมืองโทรัน(Torun)ในปฏิบัติการบุกเข้ายึดสะพานข้ามแม่น้ำวิสทูลา( Vistula River)แบบเสมือนจริง ในขณะที่เอบีซีนิวส์ สื่อสหรัฐฯรายงานว่า กองกำลังสหรัฐฯที่ถูกส่งเข้าร่วมการฝึกครั้งนี้มาจากกองพลส่งกำลังทางอากาศที่ 82 (U.S. Army's 82nd Airborne Division) ของสหรัฐฯที่มีชื่อเสียงในด้านการรบไปทั่วโลก ได้บินตรงออกจากค่ายทหารฟอร์ต แบร็กก์(Fort Bragg) รัฐนอร์ทแคโรไลนา ด้วยเครื่องบินพลลำเลียง C-17 Globemaster ของบริษัทโบอิ้ง มีรายงานว่าเครื่องบินลำนี้ได้ทำการเติมน้ำมันกลางอากาศ
และมีนายพล ริชาร์ด ดี คลาร์ก(Richard D. Clarke) ผู้บัญชาการหน่วย 82 ได้เป็นผู้นำของหน่วยร่วมการกระโดดร่มร่วมกับพลร่มจากชาตินาโตอื่นๆในปฎิบัติการนี้ด้วย
เอบีซีนิวส์รายงานต่อว่า ในขณะที่กองกำลังอังกฤษได้ทำการบินตรงออกมาจากฐานทัพนาโตในเมืองรามสไตน์(Ramstein) เข้าร่วมปฎิบัติการรบอนาคอนดา-16 ส่วนกองกำลังโปแลนด์ถูกส่งมาจากฐานทัพที่ตั้งอยู่ในเมืองคราเคาว์( Krakow)ทางใต้ของโปแลนด์
ซึ่งพลโทเบนจามิน ฮ็อดส์( Benjamin Hodges) จากสหรัฐฯซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองกำลังผสมในการฝึกครั้งนี้ได้กล่าวว่า การฝึกซ้อมครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณของความมุ่งมั่นในประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมเพื่อการดำรงอยู่ของเสถียรภาพและความปลอดภัยของยุโรป “เราต้องการให้คนทั่วโลกได้เห็นถึงสิ่งที่พวกเรากำลังดำเนินการอยู่ในเวลานี้เพื่อพวกเขาจะไม่ต้องตกอยู่ในความหวาดกลัวอีกต่อไป” ฮ็อดส์กล่าวโดยยืนยันอย่างหนักแน่นว่า การฝึกครั้งนี้กระทำไปด้วยความโปร่งใสไม่มีอะไรเคลือบแฝง
ในขณะที่พลเอกไมโรสลอว์ โรซายสกี( Miroslaw Rozanski) ผู้ช่วยบัญชาการซ้อมรบฝ่ายโปแลนด์แถลงตอบว่า “การฝึกซ้อมครั้งใหญ่นี้เป็นการยืนยันให้เห็นว่า โปแลนด์สามารถพึ่งพาเพื่อนที่ต้องบินฝ่าข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกมาเพื่อมาหาเราถึงที่นี่ได้ในเพียงเสี้ยวอึดใจ” และยังกล่าวต่อว่า “เราจะมองไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกที่ไม่หวาดหวั่น เพราะโปแลนด์มีทั้งเพื่อนที่แสนดีและพันธมิตรที่เหนียวแน่น”
ส่วนในฝั่งรัสเซีย รอยเตอร์รายงานในวันนี้(8 มิ.ย)ว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูตินได้ตอบโต้ปฎิบัติอนาคอนดา-16ของนาโต ด้วยการส่งกองกำลังรัสเซียไปยังบริเวณพรมแดนยูเครน โดยเดลิเมลชี้ว่า ในขณะนี้มีรายงานว่าทางรัสเซียกำลังสร้างฐานทัพแห่งใหม่ในคลินต์กี( Klintzy) ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามพรมแดนด้านเหนือของยูเครน ห่างไปเพียงแค่ 30 กม. เพื่อตอบโต้การคุกคามของนาโต
ทั้งนี้เมืองคลินต์สกีที่เคยเงียบสงบ และมีขนาดเล็ก ในทางตะวันออกของรัสเซีย ได้กลายเป็นจุดยุทธศาสตร์แห่งใหม่ที่ผู้นำรัสเซีย ใช้เป็นที่ตั้งกองกำลังทหารด่านหน้า ถือเป็นหนึ่งในเครือข่ายฐานทัพเพื่อป้องกันการรุกคืบจากนาโต อย่างไรก็ตามสื่ออังกฤษระบุว่า ดูเหมือนกระทรวงกลาโหมรัสเซียจะไม่ยอมรับถึงการมีหน่วยทหารถูกส่งเข้าไปในคลินต์สกี โดยจากการรายงานของรอยเตอร์ ทางรอยเตอร์ได้ถามไปยังกระทรวงกลาโหมรัสเซีย แต่ไม่มีการตอบกลับมา
แต่ทว่าแหล่งข่าวสมาชิกสภาเมืองได้ยืนยันว่า เมืองคลินต์สกีได้ถูกเลือกเป็นที่ตั้งทางทหารแห่งใหม่จริง และในขณะนี้มีทหารรัสเซียจำนวนไม่ต่ำกว่า 240 นายถูกส่งเข้ามาที่นี่ โดยผู้ช่วยประธานสภาเมืองคลินต์สกี โอเล็ก เคล็ตนี (Oleg Kletny)กล่าวว่า “มีอะไรต้องปิดบัง พวกเขามาถึงที่นี่กันแล้ว พวกเขาจะมาประจำอยู่ที่นี่”
เดลิเมลรายงานต่อว่า และเมื่อฐานทัพคลิต์สกีถูกสร้างเสร็จแล้ว จะกลายเป็นหนึ่งในที่ตั้งกองกำลังทางทหารเครือข่ายปกป้องสหพันธรัฐรัสเซียที่เริ่มต้นตั้งแต่ทะเลบอลติกในทางเหนือ และลากยาวไปจนถึงทะเลดำทางตอนใต้สุด ปกป้องแนวรบตะวันออกของประเทศจากภัยคุกคามทางตะวันตก และนาโต
โดยรอยเตอร์ได้ส่งผู้สื่อข่าวเข้าไปในเมืองคลินต์กี และพบถึงความเคลื่อนไหวผิดปกติในเมืองที่เคยเงียบสงบแห่งนี้ ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์รายงานจากเมืองแห่งนี้ว่า พบรถบรรทุกของกองทัพรัสเซีย ขับผ่านเข้าไปในเมือง ซึ่งถือเป็นดินแดนรัสเซียที่ใกล้กับพรมแดนยูเครนมากที่สุด อยู่ห่างจากเมืองหลวงของยูเครนไปเพียงแค่ 280 กม. เท่านั้น
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังพบเห็นนายทหารรัสเซียในเครื่องแบบลายพรางอยู่ในบริเวณปั้มน้ำมัน ซื้อหาของ และอาหาร จากที่นี่ ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ถ่ายภาพมาไว้ได้ และผู้สือข่าวรอยเตอร์ยังพบเห็นการตั้งค่ายชั่วคราวของทหารรัสเซียในบริเวณใกล้เขตการตั้งฐานทัพแห่งใหม่ โดยมีรายงานว่าผู้สื่อข่าวถูกทหารประจำป้อมประจำการ 2 นายห้ามไม่ให้ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์เข้าไปใกล้่ โดยกล่าวว่าเป็นเขตทหาร ห้ามเข้า
ทั้งนี้หนังสือพิมพ์มอสโกไทม์สรายงานในวันที่ 3 มิ.ย ว่า ในการตอบโต้การรุกคืบของนาโต้ และการปกป้องแนวรบพรมแดนตะวันออกของรัสเซีย โดยอ้างอิงจากแหล่งข่าวทางทหารรัสเซียผ่านสื่ออินเตอร์แฟกซ์ว่า มีคำสั่งการเคลื่อนย้ายกองพันทหารราบยานยนต์(motorized infantry) 2 กองพันจากหน่วยกลางของกองทัพรัสเซีย “ซึ่งถือได้ว่าเป็นเสมือนการตอบโต้จากรัสเซียในการคลื่อนไหวของนาโตใกล้พรมแดนของเรา” แหล่งข่าวรัสเซียกล่าวกับอินเตอร์แฟกซ์
และในการให้สัมภาษณ์ แหล่งข่าวทางทาหรของรัสเซียได้ยืนยันว่า การเคลื่อนย้ายทั้งหมดนี้เพื่อจะทำการจัดตั้ง 3 หน่วยใหม่ขึ้นมา ซึ่งจะถูกตั้งใน 3 เขตคือสโมเลยสค์( Smolensk) โวโรเนซฮ์ ( Voronezh) และรอสตอฟ( Rostov) ซึ่งอินเตอร์แฟกซ์รายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ในเดือนมกราคมล่าสุด รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย เซอร์เก ซอยกู ได้เคยให้ความเห็นถึงการจัดตั้งกองกำลังใหม่นี้
ซึ่งในความเคลื่อนไหวทางทหารครั้งใหญ่ของนาโตในโปแลนด์ครั้งนี้ รัสเซียถือว่า ***“เป็นภัยคุกคามความมั่นคงประเทศ”*** โดยโฆษกประจำตัวประธานาธิบดีปูติน ดมิตรี เพชคอฟ(Dmitry Peskov)ได้แถลงในวันอังคาร(7 มิ.ย)ผ่านการรายงานของสำนักข่าวTASSของรัสเซียว่า การซ้อมรบที่เกิดขึ้นในโปแลนด์ไม่ช่วยเป็นการส่งเสริมบรรยากาศความเชื่อมั่นและเสถียรภาพในภูมิภาค
และในการให้สัมภาษณ์ของจากทูตรัสเซียประจำนาโต อเล็กซานเดอร์ กรัชโก( Aleksandr Grushko) ได้แถลงด้วยการแสดงความกังวลผ่านการรายงานของ RT สื่อรัสเซียว่า “ในระหว่างการเยือนโปแลนด์ล่าสุดของเลขาธิการใหญ่นาโต ทางฝั่งโปแลนด์ได้ออกแถลงการณ์ สื่อไปโดยนัยว่า นับตั้งแต่นี้ต่อไปทางรัสเซียจะได้รับรู้ว่า การโจมตีโปแลนด์เท่ากับเป็นการโจมตีกลุ่มนาโตทั้งหมด ซึ่งนี่ถือเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก เพราะคนเหล่านี้กำลังพูดคุยในปัญหาที่ไม่เกิดขึ้นจริง ไม่เคยมีการวางแผนการโจมตีโปแลนด์หรืออะไรทั้งนั้น”
สื่อรัสเซียรายงานต่อว่า ทั้งนี้กรัชโกได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์รัสเซีย Russia-24 และยังชี้เพิ่มเติมว่า “การฝึกซ้อมรบของนาโตในแถบทะเลบอลติก ถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจ” และในการให้สัมภาษณ์เดียวกันนี้ กรัชโกยังกล่าวต่อโดยยืนยันอันตรายจากการที่นาโตใช้การคาดการณ์จากสิ่งที่ไม่เป็นจริงในแผนการเพิ่มกำลังพลและความเคลื่อนไหวทางทหารของตัวเองว่า
“นโยบายของนาโตตั้งอยู่บนพื้นฐานของสิ่งที่ไม่เกิดขึ้นจริง และสิ่งที่ร้ายกาจที่สุดคือทางนาโตได้นำนโยบายเหล่านี้ลงสู่การปฎิบัติในแผนการทางทหารด้วยแผนการรบ และรูปแบบการเตรียมตัวในสมรภูมิที่ติดกับรัสเซีย” กรัชโกชี้
และในอีกด้านของยุโรป เมื่อวานนี้(7 มิ.ย)สื่ออังกฤษหลายสำนัก เป็นต้นว่า เดลีเมล เดลีเทเลกราฟ ได้รายงานการปรากฎตัวของเรือดำน้ำโจมตีรัสเซีย เดอะ สตารี ออซโคล(The Stary Oskol) ใกล้บริเวณช่องแคบอังกฤษ ซึ่งเป็นที่โชคดีว่า เรือดำน้ำนี้สามารถถูกสะกัดไว้ได้โดยเรือรบกองทัพเรืออังกฤษ เอชเอ็มเอส เคนต์ (HMS Kent)
ซึ่งเดลีเทเลกราฟรายงานว่า มีรายงานการสะกัด เดอะ สตารี ออซโคล ได้บริเวณทะเลเนือ พบว่าเรือดำน้ำโจมตีสัญชาติรัสเซียลำนี้กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ช่องแคบอังกฤษ สื่ออังกฤษชี้ว่า พบว่า เดอะ สตารี ออซโคลถูกเรือรบอังกฤษขนาบในระยะใกล้ในช่วงค่ำวันอังคาร(7 มิ.ย)และคาดว่าทางเอชเอ็มเอส เคนต์ จะสามารถนำเรือดำน้ำลำนี้ผ่านช่องแคบโดเวอร์(Strait of Dover) ซึ่งอยู่เหนือช่องแคบอังกฤษในเช้าวันพุธ(8 มิ.ย)
เดลีเทเลกราฟรายงานว่า เป็นที่เข้าใจว่าเรือดำน้ำโจมตีรัสเซียนั้นถูกตรวจพบได้ในครั้งแรกในทะเลเหนือ ซึ่งเป็นน่านน้ำที่กองกำลังนาโตทำการลาดตระเวณอย่างหนาแน่น
เดอะ สตารี ออซโคล เป็นเรือดำน้ำคลาสกิโลที่พร้อมสามารถติดตั้งจรวดมิสไซล์อาวุธตอร์ปิโด โดยรัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ ไมเคิล แฟลลอน (Michael Fallon)ได้ยืนยันว่า “ปรากฏการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า ทางกองทัพเรืออังกฤษมีความตื่นตัว และเฝ้าระวังเสมอในน่านน้ำสากล และน่านน้ำอังกฤษ เพื่อทำให้อังกฤษปลอดภัยจากภัยที่มีความคุกคามสูง”
ด้านผู้บัญชาการเรือรบอังกฤษเอชเอ็มเอส เคนต์ แดเนียล โธมัส ( Daniel Thomas) แถลงเพิ่มเติมถึงความสำเร็จครั้งนี้ว่า “ ความสำเร็จในการตรวจพบเรือดำน้ำสัญชาติรัสเซียได้ในครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างอังกฤษและชาติพันธมิตรนาโต ซึ่งการเฝ้าติดตามการคุกคามต่างชาติในน่านน้ำถือเป็นสิ่งที่กองทัพเรืออังกฤษปฎิบัติ”
และในแถลงการณ์ยังกล่าวต่อว่า “ทางเรายังตามประกบเรือดำน้ำรัสเซียในขณะที่ยังคงแล่น โดยที่เรือดำน้ำรัสเซียลำนี้ต้องโผล่พ้นน้ำเพื่อให้ทางเราเห็นตลอดเวลา”
ในขณะที่เดลิเมล สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า เป็นที่เชื่อว่า เรือดำน้ำเดอะ สตารี ออซโคล ถูกเรือรบอังกฤษเอชเอ็มเอส เคนต์ ตรวจพบได้ตั้งแต่วันอาทิตย์(5 มิ.ย)จากการรายงานของเดอะซัน สื่ออังกฤษ หลังจากที่เดินทางออกมาจากท่าในเซเวอร์มอร์สค์ (Severmorsk) ใน มูร์มานสค์ โอแบลส(Murmansk Oblast) รัสเซีย ซึ่งสตารี ออซโคล นั้นสามารถออกมหาสมุทรตรวจการณ์ได้นานถึง 45 วัน และสามารถมีลูกเรือปฎิบัติหน้าที่ได้สูงถึง 52 นาย