เอเจนซีส์ / MGR online - รัฐบาลสหราชอาณาจักรออกคำเตือนในวันจันทร์ (6 มิ.ย.) ระบุมีความเป็นไปได้ที่พลเมืองของตนในประเทศแอฟริกาใต้อาจตกเป็นเป้าของภัยคุกคามขั้นสูงจากการก่อการร้าย ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับปัจเจกบุคคลและกลุ่มที่มีแนวคิดสุดโต่งที่เชื่อมโยงกับความขัดแย้งในอิรักและซีเรียเวลานี้
คำเตือนของรัฐบาลเมืองผู้ดีระบุว่า พลเมืองของตนพึงหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปในพื้นที่ศูนย์การค้า และย่านชอปปิ้งของแอฟริกาใต้ โดยเฉพาะที่นครโจฮันเนสเบิร์กและเคปทาวน์ในระยะนี้
อย่างไรก็ดี ทางกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษยืนยันว่าคำเตือนล่าสุดที่ออกโดยทางกระทรวงฯ นี้ไม่ได้หมายความว่าพลเมืองของตนจะต้องหลีกเลี่ยงหรือยกเลิกแผนเดินทางเยือนพื้นที่ส่วนอื่นๆ ของแอฟริกาใต้อย่างสิ้นเชิง เพียงแต่เป็นการเตือนผู้ที่มีแผนเดินทางเยือนแอฟริกาใต้ หรือพลเมืองสหราชอาณาจักรที่มีถิ่นพำนักในประเทศนี้ ให้เพิ่มความระมัดระวังตัวจากภัยคุกคามของการก่อการร้ายเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ สหรัฐอเมริกาออกคำเตือนพลเมืองอเมริกันในวันเสาร์ (4 มิ.ย.) ระบุมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการโจมตีของผู้ก่อการร้ายอิสลามิสต์สุดโต่งในเมืองใหญ่ทั่วแอฟริกาใต้
สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำแอฟริกาใต้เผยแพร่คำเตือนผ่านเว็บไซต์ของตนโดยระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้รับข้อมูลที่เชื่อได้ว่ากลุ่มก่อการร้ายอิสลามิสต์หัวสุดโต่งกำลังวางแผนก่อการโจมตีต่อสถานที่ต่างๆ ในแอฟริกาใต้ ซึ่งรวมถึงห้างสรรพสินค้าในนครเคปทาวน์และโจฮันเนสเบิร์ก ที่เป็นแหล่งพบปะชุมนุมกันของชาวอเมริกันและชาวต่างชาติในแอฟริกาใต้
อย่างไรก็ดี เคลย์สัน มอนเยลา โฆษกประจำกระทรวงการต่างประเทศของแอฟริกาใต้ออกโรงปฏิเสธคำเตือนล่าสุดนี้ของสหรัฐฯ พร้อมย้ำว่า หน่วยงานต่างๆ ทางด้านความมั่นคงของแอฟริกาใต้มีศักยภาพมากพอในการดูแลปกป้องประเทศของตน ตลอดจนชาวต่างชาติในแอฟริกาใต้ ซึ่งรวมถึงชาวอเมริกันให้มีความปลอดภัย
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกันยายน ปีที่แล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ออกคำเตือนให้พลเมืองอเมริกันในแอฟริกาใต้เพิ่มความระมัดระวังตัวเองจากการตกเป็นเป้าการโจมตีของผู้ก่อการร้ายมาแล้วครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ซึ่งมีฐานอยู่ในซีเรียและอิรักเพิ่งออกคลิปวิดีโอโรงเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนของตนทั่วโลกลงมือก่อเหตุโจมตีในช่วง “เดือนรอมฎอน” อันศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังมาถึง
