xs
xsm
sm
md
lg

เผยผู้คนทั่วโลกตกเป็นทาสยุคใหม่เกือบ 46 ล้านชีวิต ไทยติดอันดับต้นๆ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


รอยเตอร์/วอล์กฟรีฟาวน์เดชัน/MGR Online - มีผู้คนเกือบ 46 ล้านคนทั่วโลกที่ยังใช้ชีวิตเยี่ยงทาส โดยจำนวนมากสุดอยู่ในอินเดีย จากดัชนีทาสโลกที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (31 พ.ค.) ขณะที่ ไทย ติดอันดับที่ 20 ของโลก

ดัชนีที่จัดทำโดยมูลนิธิวอล์กฟรีฟาวน์เดชัน องค์กรด้านสิทธิมนุษย์สากลจากประเทศ ปรับเพิ่มคาดหมายผู้คนที่ตกอยู่ในภาวะจำยอม ตกเป็นเหยื่อในธุรกิจกาม หรือตกหลุมพรางแรงงานขัดหนี้หรือแรงงานบังคับ เป็น 45.8 ล้านคน จาก 35.8 ล้านคนในปี 2014

นายแอนดรู ฟอร์เรสต์ ประธานและผู้ก่อตั้งมูลนิธิวอล์กฟรีฟาวน์เดชัน (Walk Free Foundation) กล่าวว่า การขจัดการค้าทาสเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลทั้งทางศีลธรรม ทางการเมือง ในเชิงตรรกะ และในเชิงเศรษฐกิจ ตลอดจนได้เรียกร้องให้รัฐบาลของประเทศผู้นำด้านเศรษฐกิจโลกได้ใช้มาตรการต่อต้านการค้าทาสอย่างจริงจัง เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับประเทศอื่นๆ ต่อไป

“เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลของสิบประเทศผู้นำด้านเศรษฐกิจโลกบังคับใช้กฎหมายให้เข้มงวด อย่างน้อยให้เทียบเท่ากับกฎหมายการค้าทาสสมัยใหม่ 2015 ของสหราชอาณาจักร ด้วยงบประมาณและศักยภาพที่มี รับรองว่าทุกองค์กรจะถูกตรวจสอบเรื่องการค้าทาสสมัยใหม่ในสายการผลิตอย่างโปร่งใสและเท่าเทียม”

“ผมเชื่อในบทบาทที่สำคัญของภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคม” นายฟอร์เรสต์กล่าว “ผ่านการใช้อำนาจ ความแข็งแกร่งในการลงโทษ ความมุ่งมั่น และการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกัน เราทุกคนสามารถทำให้โลกนี้ปราศจากการค้าทาสได้ในที่สุด”

นายฟอร์เรสต์เน้นย้ำถึงหน้าที่สำคัญที่ภาคธุรกิจต้องปฏิบัติเพื่อหยุดยั้งขบวนการค้าทาสว่า “ธุรกิจที่ไม่ย้อนกลับไปตรวจสอบว่ามีแรงงานไม่สมยอมในสายการผลิตของตนหรือไม่กำลังจะตกที่นั่งลำบาก ผู้นำทางธุรกิจที่ปฏิเสธที่จะค้นหาความจริงเกี่ยวกับสายการผลิตของตนเองเป็นพวกที่ตัดสินใจผิดพลาดและไม่มีความรับผิดชอบ”

เหตุการณ์ต่างๆ เกี่ยวกับความเป็นทาสถูกพบในทั้ง 167 ประเทศที่อยู่ในดัชนีที่จัดทำโดยมูลนิธิวอล์กฟรีฟาวน์เดชัน โดยอินเดียเป็นประเทศที่มีทาสมากที่สุด มีจำนวนราวๆ 18.4 ล้านคนจากประชากร 1,300 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ฟอร์เรสต์บอกว่าอินเดียควรได้รับเครดิตจากการเริ่มจัดการกับปัญหานี้ ด้วยช่วงต้นสัปดาห์รัฐบาลได้เปิดตัวร่างกฎหมายต่อต้านการค้ามนุษย์อย่างครอบคลุม สำหรับปฏิบัติต่อผู้อยู่รอดในฐานะเหยื่อแทนที่จะเป็นอาชญากร

เกาหลีเหนือนับเป็นประเทศที่เลวร้ายที่สุดในแง่ของสัดส่วน ด้วยมีพลเมืองตกอยู่ในฐานะทาสคิดเป็นอัตราส่วน 1 ในทุกๆ 20 คน หรือ 4.4 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรทั้งหมด 25 ล้านคน “เราจำเป็นต้องทำให้ชัดเจนว่าเราจะไม่อดทนต่อปัญหาทาส และเมื่อมีทาสในระบอบการปกครองหนึ่งๆ เราก็ไม่ควรคบค้ากับพวกเขา” นายฟอร์เรสต์ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์

ฟอร์เรสต์บอกต่อว่า ดัชนีทาสโลกมีเป้าหมายวัดการแพร่หลายของทาสใน 167 ประเทศที่มีพลเมืองหนาแน่นที่สุด เช่นเดียวกับระดับความอ่อนแอของผู้คนที่ตกเป็นเหยื่อ และความเข้มแข็งของรัฐบาลในความพยายามต่อสู้กับเรื่องนี้

จากดัชนีการค้าทาสสากลปี 2016 ชี้ให้เห็นว่า ประชากรโลกตกเป็นเหยื่อของการค้าทาสสมัยใหม่มากกว่าที่เคยประมาณการไว้ถึง 28% ในภูมิภาคเอเชียแห่งเดียว คิดเป็นจำนวนถึง 2 ใน 3 ของผู้ตกเป็นทาสทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นแรงงานไร้ฝีมือในห่วงโซ่อุปทานโลก ที่ผลิตเสื้อผ้า อาหาร และเทคโนโลยี

ราว 58% ของผู้ใช้ชีวิตเยี่ยงทาสอยู่ใน 5 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย, จีน, ปากีสถาน บังกลาเทศ และอุซเบกิสถาน อย่างไรก็ตาม ประเทศที่มีอัตราส่วนประชากรตกอยู่ในฐานะทาสมากที่สุดคือ เกาหลีเหนือ อุซเบกิสถาน และกัมพูชา

ในส่วนของรัฐบาลต่างๆ ที่แทบไม่ทำอะไรเลยในการจัดการกับปัญหาทาสก็คือเกาหลีเหนือ อิหร่าน เอริเทรีย อิเควทอเรียลกินี และฮ่องกง สวนทางกับเหล่ารัฐบาลที่ดำเนินการอย่างแข็งขัน อันได้แก่ เนเธอร์แลนด์ สหรัฐฯ อังกฤษ สวีเดน และออสเตรเลีย

ด้านประเทศไทย ทางวอล์กฟรีฟาวน์เดชันเผยว่าประชากรไทยประมาณ 425,500 คน หรือ 0.63% ของทั้งประเทศยังตกเป็นทาส สูงสุดเป็นอันดับ 9 ในเอเชีย-แปซิฟิก และเป็นอันดับ 20 ของโลก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากแรงงานต่างด้าวที่มีจำนวนมาก การเลือกปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อย การเติบโตอย่างรวดเร็วในภาคการประมง และเหตุความไม่สงบบริเวณชายแดนใต้

ทั้งนี้ ในขณะที่ยุโรปเป็นทวีปที่มีการระบาดของปัญหาทาสต่ำที่สุด แต่ทางวอล์กฟรีฟาวน์เดชันบอกว่ามันเป็นแหล่งต้นตอและจุดหมายปลายทางของแรงงานบังคับและการแสวงหาประโยชน์ทางเพศ ผลกระทบจากการไหลบ่าของผู้อพยพและผู้ลี้ภัยที่หลบหนีความขัดแย้งและความขัดสนจากตะวันออกกลางและแอฟริกา


กำลังโหลดความคิดเห็น