รอยเตอร์ - เปียงยาง ขู่แก้แค้นในวันศุกร์ (27พ.ค.) หลังเรือลาดตระเวน และเรือประมงที่ล่องจากเกาหลีเหนือข้ามเข้าสู่น่านน้ำพิพาทนอกชายฝั่งทางตะวันตกของคาบสมุทรเกาหลี ถูกเกาหลีใต้ยิงใส่ด้วยอ้างว่า เป็นการยิงเตือน ระบุพฤติกรรมของโซลถือเป็นการยั่วยุร้ายแรง
เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้เผยต่อรอยเตอร์ ว่า เรือ 2 ลำจากเกาหลีเหนือล่าถอยไปภายในเวลาราว 8 นาที หลังถูกกองทัพเรือเกาหลีใต้ยิงปืนใหญ่ขนาด 40 มิลลิเมตร เข้าใส่ จำนวน 5 นัด ตอนเวลา 7.30 น.
กองทัพเกาหลีใต้อ้างว่า เรือทั้ง 2 ลำ จากเกาหลีเหนือล่องข้ามแนวจำกัดตอนเหนือ (Northern Limit Line) เข้ามาในน่านน้ำที่เป็นข้อพิพาททางทะเลระหว่างสองเกาหลี ใกล้เกาะยอนพยองตามแนวชายแดนของเกาหลีใต้
สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ (เคซีเอ็นเอ) อ้างคำกล่าวของกองบัญชาการสูงสุดกองทัพประชาชนเกาหลีเหนือ ในช่วงวันศุกร์ (27 พ.ค.) กล่าวหากองทัพเรือของเกาหลีใต้ล่วงล้ำน่านน้ำของพวกเขา และบอกว่า การที่โซลยิงเข้าใส่เรือของพวกเขานั้นถือเป็นการยั่วยุร้ายแรง “พวกที่ก่อเรื่องยั่วยุจะต้องเสียใจไปตลอดกาลต่อความสยดสยองที่พวกเขาต้องเผชิญ ตามหลังการเปิดฉากยิงอย่างไม่คิด”
บ่อยครั้งที่เกาหลีเหนือออกถ้อยแถลงข่มขู่เกาหลีใต้ ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสองฝ่ายพุ่งสูงขึ้นนับตั้งแต่เปียงยางดำเนินการทดสอบนิวเคลียร์ในเดือนมกราคม และยิงจรวดในเดือนกุมภาพันธ์ กระตุ้นให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ลงมติในเดือนมีนามคม เพิ่มความหนักหน่วงในมาตรการคว่ำบาตรต่อชาติคอมมิวนิสต์แห่งนี้
เรือประมงของเกาหลีเหนือหลงเข้าไปในน่านน้ำของเกาหลีใต้เป็นบางครั้งบางคราว และช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็มักเกิดเหตุเรือของกองทัพเรือของทั้งสองฝ่ายยิงเข้าใส่กัน ซึ่งในบางครั้งถึงขั้นเสียเลือดเสียเนื้อ
ในปี 2010 ทหารเรือของเกาหลีใต้ 46 นาย ต้องจบชีวิตจากเหตุเรืออับปาง ในเหตุการณ์ที่ทางโซล กล่าวหาว่า ถูกเกาหลีเหนือยิงตอร์ปิโดโจมตี อย่างไรก็ตาม เปียงยางปฏิเสธคำกล่าวหาดังกล่าว
สงครามเกาหลีระหว่างปี 1950-53 ยุติลงด้วยข้อตกลงหยุดยิงไม่ใช่สนธิสัญญาสันติภาพ นั่นหมายความว่า ในทางเทคนิคแล้วสองชาติเกาหลียังคงอยู่ในภาวะสงคราม