xs
xsm
sm
md
lg

เลือกตั้งออสเตรียพลิกช่วงท้าย โฮเฟอร์ชวดเป็น ปธน.ขวาจัดคนแรกในอียู

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

อเล็กซานเดอร์ แวน เดอ เบลเลน ผู้สมัครอิสระฝ่ายซ้าย  ศาสตราจารย์ทางเศรษฐศาสตร์วัย 72 ปี ที่ได้รับการหนุนหลังจากพรรคกรีน ยิ้มระหว่างแถลงข่าวกับสื่อมวลชนหลังได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีออสเตรียเมื่อวันจันทร์(23พ.ค.)
รอยเตอร์ - นอร์เบิร์ต โฮเฟอร์ ของออสเตรีย ชวดได้เป็นประธานาธิบดีขวาจัดคนแรกในอียูในวันจันทร์ (23 พ.ค.) หลังพ่ายแพ้แก่คู่ปรับคนสำคัญอย่างฉิวเฉียดในศึกเลือกตั้งที่เปรียบเสมือนสัญญาณเตือนถึงเหล่าพรรคการเมืองที่ทรงอำนาจของทวีปยุโรป

หลังจากศึกเลือกตั้งในวันอาทิตย์ (22 พ.ค.) ซึ่งคู่คี่สูสีจนยากที่จะคาดเดา เจ้าหน้าที่ออสเตรียใช้เวลาเกือบทั้งวันของวันจันทร์ (23 พ.ค.) ในการนับคะแนนบัตรลงคะแนนเสียงทางไปรษณีย์ราว 750,000 เสียง หรือคิดเป็น 12% ของ 6.4 ล้านคน ของผู้ลงคะแนนเสียง และผลปรากฏว่านายอเล็กซานเดอร์ แวน เดอ เบลเลน ได้รับชัยชนะเหนือ นายนอร์เบิร์ต โฮเฟอร์ จากพรรคฟรีดอมปาร์ตี้ ก้าวขึ้นนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดี ซึ่งภารกิจส่วนใหญ่ของตำแหน่งนี้จะเป็นไปในเชิงพิธีการ

กระทรวงมหาดไทยระบุว่า นายแวน เดอ เบลเลน ศาสตราจารย์ทางเศรษฐศาสตร์วัย 72 ปี ที่ได้รับการหนุนหลังจากพรรคกรีน ได้รับคะแนนเสียง 50.3 เปอร์เซ็นต์ ส่วนนายโฮเฟอร์ ซึ่งมีนโยบายต่อต้านการรับผู้อพยพ ได้คะแนนเสียง 49.7 เปอร์เซ็นต์

นายโฮเฟอร์กล่าวยอมรับความพ่ายแพ้บนเฟซบุ๊ก พร้อมกับขอบคุณเหล่าผู้สนับสนุนและบอกกับพวกเขาว่าอย่าสิ้นหวัง “แน่นอน วันนี้เป็นวันที่น่าเศร้าสำหรับผม” เขากล่าว “ผมอยากดูแลประเทศที่เลิศเลอของเราเพื่อพวกคุณในฐานะประธานาธิบดี”

ความปราชัยของนายโฮเฟอร์ ทำให้สถาบันการเมืองของยุโรปรอดพ้นความขายหน้าใหญ่หลวง ขณะที่สถาบันการเมืองทางอำนาจของอียูถูกคุกคามมากขึ้นจากพรรคประชานิยมที่ได้ประโยชน์จากความกังวลต่างๆ เกี่ยวกับวิกฤตผู้อพยพของทวีป รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตอ่อนแอมานานหลายปีและตัวเลขคนว่างงานที่สูงลิ่ว “มันน่าโล่งอกที่ได้เห็นชาวออสเตรียปฏิเสธประชานิยมและพวกนิยมความรุนแรง” นายกรัฐมนตรี มานูเอล วาลส์ของฝรั่งเศสระบุบนทวิตเตอร์ “ทุกคนในยุโรปควรเรียนรู้บทเรียนจากสิ่งนี้”

ออสเตรียเป็นประเทศที่ค่อนข้างเจริญรุ่งเรือง แต่พวกเขาก็ตกอยู่ในแก่นกลางของการไหลบ่าเข้ามาของพวกผู้ลี้ภัยจากตะวันออกกลาง ซึ่งกระพือความรู้สึกไม่พอใจต่อพรรคการเมืองสายกลาง 2 พรรค ได้แก่ พรรคโซเชียล เดโมแครตส์ (เอสพีโอ) และพรรคอนุรักษนิยม พีเพิลส์ ปาร์ตี้ ซึ่งครอบงำการเมืองของออสเตรียมาตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2

ผลการนับคะแนนเบื้องต้นในวันอาทิตย์ (22 พ.ค.) ซึ่งยังไม่รวมบัตรลงคะแนนเสียงทางไปรษณีย์ พบว่านายโฮเฟอร์มีคะแนนนำนายแวน เดอ เบลเลน ที่ 51.9 เปอร์เซ็นต์ และ 48.1 เปอร์เซ็นต์

ทางสถาบัน SORA ผู้จัดทำแบบสอบถามความคิดเห็น (โพล) บอกว่าดูเหมือนผู้ลงคะแนนเสียงทางไปรษณีย์จะโหวตเลือกนายแวน เดอ เบลเลน เพราะมันเป็นวิธีลงคะแนนที่นิยมใช้ในหมู่ผู้มีสิทธิออกเสียงที่มีการศึกษาดี ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นของทางสถาบันในวันเลือกตั้ง พบว่านายแวน เดอ เบลเลน ได้รับการสนับสนุนจากผู้จบปริญญาถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนผู้ใช้แรงงานราว 86 เปอร์เซ็นต์โหวตเลือกนายโฮเฟอร์

ผลเลือกตั้งในออสเตรีย ประเทศที่มีประชากร 8.5 ล้านคน ก่อความรู้สึกไม่มั่นคงแก่เหล่าผู้นำคนอื่นๆ ในยุโรป โดยเฉพาะชาติเพื่อนบ้านอย่างเยอรมนี ดินแดนที่พรรคใหม่ อัลเทอร์เนทีฟ ฟอร์ เยอรมนี (เอเอฟดี) ซึ่งมีแนวทางต่อต้านผู้อพยพ กำลังพุ่งแรงขึ้นมา

ในฝรั่งเศส พรรคเนชันแนล ฟรอนต์ของมารี เลอ แปง มีคะแนนนิยมนำหน้าก่อนศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีปีหน้า ส่วนพรรคยูเค อินดิเพนเดนท์ ก็กำลังรณรงค์ให้สหราชอาณาจักรแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปในการลงประชามติในวันที่ 23 มิถุนายนนี้

นายโฮเฟอร์ บรรยายตนเองว่าเป็นนักการเมืองขวากลาง และบอกกับผู้สนับสนุนว่าอย่าได้เชื่อคำพูดของพรรคการเมืองอื่นๆ ที่ชี้ว่าเขาอาจเป็นประธานาธิบดีที่อันตราย


กำลังโหลดความคิดเห็น