เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - ราคาน้ำมันพุ่งแรงในวันพุธ (11 พ.ค.) โดยสัญญาสหรัฐฯ แตะระดับสูงสุดในรอบปี 2016 ครั้งใหม่ หลังสต๊อกเชื้อเพลิงลดลงผิดคาด แต่วอลล์สตรีทดิ่งหนักจากความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของห้างร้านต่างๆ ขณะที่ทองคำดีดขึ้นหลังดอลลาร์อ่อนค่า
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 1.57 ดอลลาร์ ปิดที่ 46.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีก่อน ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 2.08 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เผยว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์ที่แล้วลดลง 3.4 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดหมายว่าน่าจะเพิ่มขึ้น 750,000 บาร์เรล ขณะที่สต๊อกเบนซินและน้ำมันกลั่น ซึ่งประกอบด้วยดีเซลและน้ำมันทำความร้อนก็ลดลงเช่นกัน บ่งชี้ว่าอุปสงค์ภายในชาติผู้บริโภครายใหญ่ของโลกอาจกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบหนักในวันพุธ (11 พ.ค.) จากแรงเทขายกลุ่มค้าปลีก ตามหลังเมซีส์ ปรับลดคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการ ซึ่งรื้อฟื้นความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของเหล่าห้างร้านต่างๆ
ดาวโจนส์ลดลง 217.23 จุด (1.21 เปอร์เซ็นต์) ปิด 17,711.12 จุด เอสแอนด์พีลดลง 19.93 จุด (0.96 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,064.46 จุด แนสแดคลดลง 49.19 จุด (1.02 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,760.69 จุด
หุ้นของเมซีส์ดิ่งลงถึง 15.2 เปอร์เซ็นต์ หลังปรับลดประมาณการผลประกอบการในปี 2016 ความเคลื่อนไหวนี้ฉุดให้วอลล์-มาร์ทปิดลบ 2.8 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเบสต์บาย, ทาร์เก็ต และนอร์ดสตรอม ต่างปิดลบ 4 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่านั้น ขณะที่ทั้งหมดมีกำหนดเผยแพร่รายงานผลประกอบการในสัปดาห์หน้า
ส่วนราคาทองคำในวันพุธ (11 พ.ค.) ปิดบวกแข็งแกร่งจากแรงหนุนของดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์เพิ่มขึ้น 10.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,275.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์