รอยเตอร์/เอเอฟพี - ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ของฝรั่งเศส และรัฐบาลโซเชียลิสต์ของเขาในวันอังคาร (10 พ.ค.) เลือกเดินหน้าปฏิรูปแรงงานด้วยการใช้กฤษฎีกาโดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา หลังไม่สามารถสยบการก่อขบถภายในพรรค แต่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวก็ทำให้พวกเขาเสี่ยงเผชิญกับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจและการชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่
นายกรัฐมนตรีมานูเอล วาลส์ แถลงเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวดังกล่าว หลังการเจรจากับเหล่า ส.ส.ขบถของพรรคโซเชียลิสต์พังครืนลง ท่ามกลางการประท้วงต่อเนื่องหลายสัปดาห์ของสหภาพแรงงานและนักศึกษาเพื่อคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าวที่เปิดทางให้นายจ้างสามารถจ้างงานและปลดคนงานง่ายขึ้น
การตัดสินใจใช้อำนาจพิเศษตามรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ย้ำให้เห็นถึงความแตกแยกอย่างรุนแรงภายในพรรคโซเชียลิสต์ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล หนึ่งปีก่อนหน้าศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี ขณะที่คะแนนนิยมของนายออลลองด์ก็อ่อนแออยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะประกาศว่าเขาจะลงสมัครรับเลือกตั้งอีกสมัยหรือไม่
“มันเป็นวิธีการใช้รัฐธรรมนูญมากดขี่เพื่อขัดขวางการแสดงความคิดเห็นของเหล่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของประเทศ” โลรองต์ บาอูเมล ส.ส.ขบถของพรรคโซเชียลิสต์บอกกับผู้สื่อข่าว พร้อมประณามว่าการตัดสินใจดังกล่าวคือการต่อต้านประชาธิปไตย
ความเคลื่อนไหวไม่ประนีประนอมกับสมาชิกภายในพรรคของนายออลลองด์ เป็นการส่งสัญญาณถึงนักลงทุนนานาชาติและสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ที่กดดันมานานหลายปีให้ชาติเศรษฐกิจหมายเลข 2 ของยูโรโซนแห่งนี้ดำเนินการปฏิรูปที่เอื้ออำนวยแก่ตลาดมากขึ้น
แต่ขณะเดียวกันมันก็ทำให้ผู้นำซึ่งไม่เป็นที่นิยมคนหนึ่งมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสรายนี้ ต้องเผชิญกับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังเหล่า ส.ส.ฝ่ายค้านเดินหน้ารวบรวมเสียงอย่างรวดเร็วเพื่อยื่นญัตติขอเปิดศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
การลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลของนายวาลส์ ในสภาล่างจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้ (12 พ.ค.) อย่างไรก็ตาม แม้มีความแตกแยกภายในพรรค แต่ก็คาดหมายว่ารัฐบาลจะอยู่รอด
ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันพฤหัสบดี (12 พ.ค.) มีขึ้นในวันเดียวกับฝ่ายต่อต้านแผนปฏิรูปนัดชุมนุมรอบใหม่ ขณะที่การประท้วงคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าวเริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม และถูกจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหนที่มีผู้เข้าร่วมมากที่สุดคือวันที่ 31 มีนาคม คราวนั้นมีผู้ชุมนุมกว่า 390,000 คน แต่ฝ่ายจัดคุยโวว่ามีผู้เข้าร่วมถึง 1.2 ล้านคน
