เอเอฟพี - รัสเซียและสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (9 พ.ค.) เห็นพ้องยกระดับความพยายามในการหาทางออกทางการเมืองในวิกฤตความขัดแย้งซีเรีย และขยายข้อตกลงหยุดยิงให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
ในถ้อยแถลงร่วมระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียที่เผยแพร่โดยกระทรวงการต่างประเทศแดนหมีขาวระบุว่า “สหพันธรัฐรัสเซียและสหรัฐฯ มีความตั้งใจเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าเพื่อบรรลุแนวทางคลี่คลายปัญหาทางการเมืองของความขัดแย้งซีเรีย”
สองประเทศซึ่งเป็นประธานร่วมของกลุ่มสนับสนุนซีเรียนานาชาติ (ISSG) เน้นว่ามีความก้าวหน้าในการจำกัดการสู้รบ แต่ก็ย้ำถึงความยุ่งยากที่ต้องเผชิญในหลายพื้นที่ของประเทศ เช่นเดียวกับปัญหาที่เรื้อรังมานานเกี่ยวกับการรับประกันการเข้าถึงของความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ต่างๆ ที่ถูกปิดล้อม”
“ข้อสรุปคือเราขอย้ำถึงพันธสัญญาของเราต่อการหยุดยิงในซีเรียและเพิ่มความพยายามอย่างเข้มข้นเพื่อรับประกันว่ามันจะถูกบังคับใช้ทั่วประเทศ” ถ้อยแถลงระบุ พร้อมบอกต่อว่า “นอกจากนี้แล้วเรายังตั้งใจเพิ่มความพยายามสนับสนุนให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ประชาชนทุกคนที่จำเป็น” และเพื่อสิ่งนี้ “รัสเซียจะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ซีเรีย สำหรับการลดปฏิบัติการทางอากาศเหนือพื้นที่ต่างๆ ซึ่งเป็นเขตอยู่อาศัยของพลเรือนหรือฝ่ายต่างๆ ของข้อตกลงหยุดยิง”
ขณะเดียวกันวอชิงตันให้สัญญาว่าจะเพิ่มความพยายามในการสนับสนุนและช่วยเหลือพันธมิตรในภูมิภาค เพื่อช่วยประเทศเหล่านั้นขัดขวางการไหลบ่าของนักรบ อาวุธหรือแรงสนับสนุนทางการเงินแก่พวกองค์กรก่อการร้ายข้ามชายแดน
ถ้อยแถลงของกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียระบุว่า นายจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย พูดคุยกันทางโทรศัพท์ในวันจันทร์ (9 พ.ค.) และย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องเสาะหาการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่ซีเรียกับฝ่ายค้านทุกกลุ่มโดยมีสหประชาชาติเป็นคนกลาง และให้ความเคารพต่อข้อตกลงหยุดยิงอย่างเข้มงวด
ข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวระหว่างกองกำลังรัฐบาลซีเรียกับกลุ่มกบฏต่างๆ มีผลบังคับใช้ในอเลปโป เมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของประเทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากข้อตกลงยุติความเป็นปรปักษ์ระดับท้องถิ่นตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พังครืนลง
เบื้องต้นข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวมีระยะเวลา 2 วัน ก่อนถูกยืดออกไปจนถึงช่วง 00.01 น.ของวันอังคาร (10 พ.ค.) ตรงกับเมืองไทย 03.01 น. หลังจากเหตุสู้รบในอเลปโปเข่นฆ่าชีวิตผู้คนเกือบ 300 ศพนับตั้งแต่วันที่ 22 เมษายนเป็นต้นมา ขณะที่เมืองแห่งนี้ถูกแยกเป็นสองส่วน โดยส่วนหนึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังรัฐบาล แต่อีกส่วนอยู่ภายใต้การยึดครองของกบฏ
สหประชาชาติตะเกียกตะกายมาหลายเดือนในการค้นหาทางออกด้านการทูตยุติเพื่อความขัดแย้ง ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนกว่า 270,000 ศพ นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2011 และอีกหลายล้านคนต้องหลบหนี