เอเอฟพี – นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล เรียกร้องในวันนี้ (9) ให้ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียใช้อิทธิพลของเขาควบคุมกลุ่มกบฏโปรเครมลินในภาคตะวันออกของยูเครน หนึ่งวันหลังจากที่ผู้นำหญิงเมืองเบียร์เตือนว่าข้อตกลงสันติภาพไม่ได้ถูกบังคับใช้อย่างเต็มที่
ในระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์ แมร์เคิล “ชี้แจงกับประธานาธิบดีปูติน ว่า เพื่อให้คืบหน้าเข้าใกล้ทางออกทางการเมืองที่สมบูรณ์แบบมากกว่านี้” ข้อตกลงหยุดยิงต้องได้รับการเคารพและผู้สังเกตการณ์ที่เฝ้าตรวจสอบการหยุดยิงต้องมีสิทธิในการเข้าถึงพื้นที่
“ในกรณีนี้ รัสเซียต้องใช้อิทธิพลของตนที่มีต่อกลุ่มแบ่งแยกดินแดน” เธอกล่าว ทั้งนี้อ้างจากถ้อยแถลงที่ออกโดยโฆษกของเธอ
การสนทนาครั้งนี้เกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่แมร์เคิลเป็นเจ้าภาพจัดการพูดคุยกับประธานาธิบดี เปโตร โปโรเชนโก ของยูเครน โดยผู้นำยูเครนกล่าวหารัสเซียว่ายังคงส่งทหารและอาวุธเข้าสู่ประเทศของเขา ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
เคียฟและมอสโกบรรลุข้อตกลงสันติภาพที่มีฝรั่งเศส และเยอรมนี เป็นคนกลางในกรุงมินสก์ของเบลารุสเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว แต่การปะทะในแนวหน้ายังคงเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ
โปโรเชนโทษว่าความรุนแรงดังกล่าวเป็นความผิดของ “รัสเซียและกลุ่มกบฏ” โดยระบุว่า พวกเขาล้มเหลวในการทำตามข้อตกลงและเป็นฝ่ายยิงปืนใหญ่ถึง 1,200 ครั้งในเดือนมกราคมเพียงเดือนเดียว
เขากล่าวด้วยว่า ผู้สังเกตการณ์จากองค์การว่าด้านความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE) ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าถึงพรมแดน
ฝ่ายเคียฟและตะวันตก กล่าวหารัสเซีย ว่า ให้การสนับสนุนการก่อกบฏและส่งทหารข้ามพรมแดนเข้ามาเป็นประจำ
แต่ปูตินปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าว่าไม่ได้มีบทบาทโดยตรงในสงครามนี้ที่เริ่มต้นหลังจากการโค่นล้มประธานาธิบดีของยูเครนที่เครมลินหนุนหลังผ่านไปไม่ถึง 2 เดือน
องค์การสหประชาชาติ ระบุว่า นับตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2014 ความขัดแย้งในยูเครนทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 9,000 คน และบาดเจ็บกว่า 20,000 คน