xs
xsm
sm
md
lg

ตามคาด! สภาผู้แทนฯ บราซิลโหวตเดินหน้าถอดถอนผู้นำหญิง “ดิลมา รุสเซฟฟ์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ส.ส.ฝ่ายค้านบราซิลออกอาการดีใจกันทั่วหน้า หลังคะแนนโหวตสนับสนุนกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดี ดิลมา รุสเซฟฟ์ พุ่งเกิน 2 ใน 3 ของสภา เมื่อวานนี้ (17 เม.ย.)
เอเอฟพี - สภาผู้แทนราษฎรบราซิลลงมติเสียงส่วนใหญ่อนุมัติให้เริ่มกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดี ดิลมา รุสเซฟฟ์ ออกจากตำแหน่งวานนี้ (17 เม.ย.) ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองแดนแซมบ้าที่ดำดิ่งลงสู่วิกฤตครั้งใหญ่ ก่อนที่ประเทศจะเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิกส์ฤดูร้อนในอีกแค่ไม่กี่เดือนข้างหน้า

ส.ส.ฝ่ายค้านจำเป็นต้องได้เสียงสนับสนุนถึง 2 ใน 3 ของสภา หรือ 342 จากทั้งหมด 513 เสียง เพื่อส่งเรื่องให้วุฒิสภาพิจารณาอีกขั้นหนึ่งว่าจะไต่สวนประธานาธิบดีหรือไม่ ซึ่งปรากฏว่าฝ่ายที่สนับสนุนถอดถอน รุสเซฟฟ์ ได้คะแนนโหวตครบตามจำนวนที่ต้องการในเวลาเกือบเที่ยงคืนวันอาทิตย์ (17 เม.ย.) โดยใช้เวลาในการโหวตนานถึง 5 ชั่วโมง

ฟากที่หนุนถอดถอนประธานาธิบดีได้คะแนนโหวตรวมทั้งสิ้น 367 เสียง โดยมีผู้คัดค้าน 137 เสียง และมี ส.ส. ที่งดออกเสียง 7 คน นอกจากนี้ยังมี ส.ส. ที่ไม่เข้าร่วมประชุมอีก 2 คน

เสียงเฮลั่นดังกระหึ่มขึ้นมาจาก ส.ส. ฝ่ายค้านทันทีที่คะแนนโหวตถอนถอดพุ่งแตะ 342 เสียง ขณะที่ ส.ส.ฝ่ายพันธมิตร รุสเซฟฟ์ ก็ตอบโต้ด้วยเสียงโห่ร้องแสดงความไม่พอใจ

ฌาคส์ วากเนอร์ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลรุสเซฟฟ์ กล่าวตำหนิ ส.ส.ที่โหวตถอดถอนประธานาธิบดี ทั้งที่ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเธอได้ก่ออาชญากรรมร้ายแรงอย่างไร

“สภาผู้แทนราษฎรทำเช่นนี้เท่ากับบั่นทอนประชาธิปไตยในบราซิล ซึ่งมีมานานถึง 30 ปีแล้ว” วากเนอร์ กล่าว โดยอ้างถึงระบอบเผด็จการทหารในบราซิลซึ่งล่มสลายไปเมื่อปี 1985

ด้าน โฮเซ เอดูอาร์โด การ์โดโซ รัฐมนตรียุติธรรมบราซิล ก็ออกมาประกาศว่า “นี่คือการก่อรัฐประหารทำลายประชาธิปไตย” พร้อมระบุว่า ผู้นำหญิงซึ่งเคยตกเป็นนักโทษและถูกทรมานในเรือนจำของทหาร จะออกมาแถลงจุดยืนของเธอให้ประชาชนรับทราบในวันนี้ (18)

ทั้งนี้ คาดว่าผลตอบรับจากตลาดการเงินจะเป็นไปในทิศทางที่ดี เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่คาดหมายอยู่แล้วว่า รุสเซฟฟ์ คงไปไม่รอด และต่างรอคอยรัฐบาลชุดใหม่ที่พวกเขาหวังว่าจะเข้ามาพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่ซบเซาด้วยนโยบายที่เป็นมิตรต่อภาคธุรกิจมากขึ้น

ชาวบราซิลหลายหมื่นคนมารอฟังผลโหวตผ่านหน้าจอทีวีขนาดใหญ่ที่ด้านนอกอาคารรัฐสภา และทันทีที่ทราบว่ากระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีจะเดินหน้าต่อ ฝ่ายที่สนับสนุนก็ส่งเสียงเฮลั่นและเฉลิมฉลองด้วยความยินดี ขณะที่ฝ่ายสนับสนุน รุสเซฟฟ์ ต่างมีสีหน้าโศกเศร้าไปตามๆ กัน

ตำรวจหลายพันนายถูกส่งเข้ามาดูแลความสงบเรียบร้อย และมีการนำกำแพงเหล็กความยาว 1 กิโลเมตรมากั้นประชาชนทั้ง 2 ฝ่ายออกจากกัน เพื่อป้องกันเหตุกระทบกระทั่ง

จำนวนประชาชนที่ออกมาชุมนุมวานนี้ (17) ไม่ถึง 300,000 คนอย่างที่คาดการณ์กันไว้ โดยฝ่ายต่อต้าน รุสเซฟฟ์ ซึ่งรวมตัวอยู่ที่ฝั่งขวาของกำแพงมีอยู่ราวๆ 53,000 คน ขณะที่ฝ่ายที่สนับสนุนประธานาธิบดีมีอยู่เพียง 26,000 คน

หากวุฒิสภาบราซิลโหวตถอดถอนประธานาธิบดีหญิงหัวซ้ายตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ รองประธานาธิบดี มิเชล ทีเมอร์ ซึ่งถอนตัวจากรัฐบาลมาเป็นแกนนำของฝ่ายค้าน จะได้ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำบราซิลแทน
ประธานาธิบดี ดิลมา รุสเซฟฟ์ แห่งบราซิล
เอดูอาร์โด กุนญา ประธานสภาผู้แทนราษฎรซึ่งจับมือเป็นพันธมิตรกับทีเมอร์ ระบุว่า วันเวลาของ รุสเซฟฟ์ เริ่มเข้าสู่โหมดนับถอยหลังแล้ว

“นับจากนี้ไปบราซิลจะต้องปีนขึ้นมาจากก้นบ่อให้ได้ เราต้องแก้ไขสถานการณ์ให้เร็วที่สุด วุฒิสภาต้องดำเนินการต่อโดยไม่ชักช้า” เขากล่าว

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่าฝ่าย ทีเมอร์ อาจมีเวลาฉลองชัยชนะได้ไม่นาน เพราะเขาจะต้องรับช่วงบริหารประเทศที่ตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่สุดในรอบหลายสิบปี ทั้งยังต้องเตรียมตัวเผชิญความวุ่นวายทางการเมืองที่จะติดตามมา เนื่องจากพรรคแรงงานของ รุสเซฟฟ์ ประกาศแล้วว่าจะแก้แค้น

“มันจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขา (ทีเมอร์) อาจจะเป็นฝันร้ายเสียด้วยซ้ำ” อันเดร ซีซาร์ นักวิเคราะห์การเมืองอิสระ กล่าว

รุสเซฟฟ์ วัย 68 ปี ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจตกแต่งบัญชีอย่างผิดกฎหมาย เพื่อปกปิดสถานะการคลังที่ย่ำแย่ของรัฐบาลในช่วงที่ลงสมัครรับเลือกตั้งรอบสองในปี 2014

รัฐบาลของเธอยังถูกสังคมติเตียนเรื่องการบริหารบ้านเมืองอย่างไร้ประสิทธิภาพ จนทำให้เศรษฐกิจแดนแซมบ้าเข้าสู่ภาวะถดถอยที่สุดในรอบ 25 ปี นอกจากนี้ยังถูกฟ้องคดีรับสินบนและยักยอกทรัพย์จำนวนมหาศาลจากรัฐวิสาหกิจน้ำมันเปโตรบราส (Petrobras) ซึ่งเป็นคดีอื้อฉาวที่ทำให้คะแนนนิยมของรัฐบาลดิ่งรูดลงมาเหลือแค่ราวๆ 10%

ทั้งนี้ คาดว่าวุฒิสภาจะโหวตภายในเดือน พ.ค. ว่าจะเปิดการไต่สวน รุสเซฟฟ์ หรือไม่ ซึ่งหากผลโหวตออกมาเป็น “ไฟเขียว” ซึ่งผู้เชี่ยวชาญต่างก็มั่นใจเช่นนั้น รุสเซฟฟ์ จะต้องสละตำแหน่งภายใน 180 วันระหว่างที่การไต่สวนดำเนินไป

หลังจากนั้น หากวุฒิสภาลงคะแนนโหวตถอดถอนถึง 2 ใน 3 รุสเซฟฟ์ ก็จะถูกปลดโดยอัตโนมัติ ส่วน ทีเมอร์ ก็จะดำรงตำแหน่งผู้นำบราซิลคนใหม่จนกระทั่งถึงกำหนดเลือกตั้งทั่วไปอีกครั้งในปี 2018

กระนั้นก็ดี นักการเมืองอาวุโสที่อยู่ข้าง รุสเซฟฟ์ ยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่เป็นฝ่ายยอมแพ้

“พวกที่วางแผนรัฐประหารชนะในสภาผู้แทนราษฎรก็จริง” โฮเซ กวิมาเรส แกนนำ ส.ส.พรรคแรงงานในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์

“รัฐบาลรู้ว่านี่เป็นแค่ความพ่ายแพ้ชั่วคราว ไม่ได้หมายความว่าสงครามปิดฉากแล้ว... เราจะสู้ต่อไป ทั้งบนท้องถนนและในวุฒิสภา”

ฝ่ายสนับสนุน รุสเซฟฟ์ อ้างว่า รองประธาธิบดี ทีเมอร์ และประธานสภาผู้แทนราษฎร เอดูอาร์โด กุนญา ซึ่งเป็นหัวหอกในการรณรงค์ถอดถอนผู้นำหญิง ก็ถูกครหาว่ามีพฤติกรรมทุจริตประพฤติมิชอบเช่นกัน




กำลังโหลดความคิดเห็น