(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
Manila ‘set to restart’ revamp of airport in South China Sea
BY AT EDITOR
12/04/2016
หนังสือพิมพ์ทางการจีนรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า ฟิลิปปินส์ทำท่าเตรียมจะเข้าปรับปรุงยกระดับสนามบินทหารบนเกาะจงเย่ หรือ ปักอาซา ในทะเลจีนใต้ ซึ่งปักกิ่งอ้างกรรมสิทธิ์และระบุว่ามะนิลาเข้าไปยึดครองอย่างผิดกฎหมาย ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง สำนักข่าวเอพีของสหรัฐฯก็รายงานคำแถลงของเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำกรุงวอชิงตัน ที่อ้างกองทัพเรืออเมริกันพบเห็นเรือสำรวจของจีนมีพฤติการณ์น่าสงสัยใกล้ๆ บริเวณสันดอนสคาร์โบโร ทำให้เพิ่มความระแวงที่ว่าปักกิ่งจะสร้างเกาะเทียมขึ้นที่สันดอนกลางทะเลจีนใต้แห่งนี้ ซึ่งฟิลิปปินส์ประกาศอ้างว่าเป็นของตน
ฟิลิปปินส์ทำท่าเตรียมพร้อมแล้วที่จะเริ่มต้นกันอีกครั้ง สำหรับงานก่อสร้างปรับปรุงยกระดับสนามบินทหารแห่งหนึ่งบนเกาะจงเย่ (Zhongye ทางฝ่ายฟิลิปปินส์เรียกชื่อเกาะนี้ว่าเกาะปักอาซา Pag-Asa) อันเป็นดินแดนในทะเลจีนใต้ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจีน หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี่ (China Daily) รายงานโดยอ้างคำบอกเล่าของแหล่งข่าวซึ่งไม่มีการเปิดเผยนามรายหนึ่ง
แหล่งข่าวรายนี้บอกว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กองทัพอากาศฟิลิปปินส์ได้ใช้เครื่องบินขนส่งหลายลำ บรรทุกพวกวัสดุก่อสร้าง เป็นต้นว่า ก้อนหิน และทราย ในปริมาณมากทีเดียว ตลอดจนน้ำมันประเภทต่างๆ ไปยังเกาะแห่งนี้
ความเคลื่อนไหวเช่นนี้เป็นการบ่งบอกว่า ฟิลิปปินส์กำลังเตรียมตัวที่จะเริ่มต้นงานปรับปรุงยกระดับสนามบินอีกครั้งหนึ่ง แหล่งข่าวรายนี้ระบุ
ไชน่าเดลี่ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของทางการจีน รายงานว่า ฝ่ายจีนนั้นถือว่าฟิลิปปินส์กำลังเข้าครอบครองดินแดนต่างๆ หลายแห่งของจีนที่ตั้งอยู่ในทะเลจีนใต้อย่างผิดกฎหมายมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1970 หนึ่งในนั้นก็คือเกาะจงเย่ โดยบนเกาะแห่งนี้มะนิลาได้ดำเนินการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างทั้งทางทหารและทางพลเรือนอย่างขนานใหญ่ เป็นต้นว่า สนามบิน, ท่าเรือ, และค่ายทหาร
รายงานของหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของทางการจีนฉบับนี้ระบุแบบให้ภูมิหลังด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า ในเดือนมกราคม 2013 รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้กระทำการริเริ่มแต่เพียงฝ่ายเดียว ในการยื่นฟ้องร้องจีนต่อศาลอนุญาโตตุลาการแห่งหนึ่งในกรุงเฮก จากนั้นมะนิลาอ้างว่าได้หยุดยั้งการซ่อมแซมอัปเกรดสนามบินบนเกาะจงเย่แห่งนี้ถึง 2 ครั้ง คือในปี 2014 และปี 2015
“การที่ฟิลิปปินส์เริ่มต้นโครงการปรับปรุงยกระดับสนามบินทหารแห่งนี้ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง คือการกระทำที่ผิดแผกแตกต่างอย่างเห็นชัดเจนจากสิ่งที่มะนิลาเที่ยวอวดอ้างป่าวร้องต่อสาธารณชนในอดีตที่ผ่านมา” แหล่งข่าวของไชน่าเดลี่กล่าว
ไชน่าเดลี่สำทับด้วยว่า จีนนั้นคัดค้านเสมอมาต่อการที่ฟิลิปปินส์เข้าครอบครองเกาะต่างๆ ของฝ่ายจีนอย่างผิดกฎหมาย อีกทั้งเรียกร้องเรื่อยมาให้มะนิลายุติเลิกรากิจกรรมแบบนี้
ฟิลิปปินส์เตือนจีนอย่าได้ถม ‘สันดอนสคาร์โบโร’ ให้เป็นเกาะเทียม
ในอีกด้านหนึ่ง สำนักข่าวเอพีของสหรัฐฯ ได้รายงานข่าวว่า นักการทูตคนสำคัญผู้หนึ่งของฟิลิปปินส์ ได้ออกมากล่าวเตือนเมื่อวันอังคาร (12 เม.ย.) ว่า ถ้าหากฝ่ายจีนมีความเคลื่อนไหวใดๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงสันดอนกลางทะเลจีนใต้แห่งหนึ่งซึ่งยังคงอยู่ระหว่างพิพาทช่วงชิงกรรมสิทธิ์กับฟิลิปปินส์ ให้กลายเป็นเกาะเทียมขึ้นมาจริงๆ ตามที่กองทัพเรือสหรัฐฯได้พบเห็นเรือสำรวจของจีนลำหนึ่งซึ่งมีพฤติการณ์น่าสงสัยในบริเวณดังกล่าวแล้ว มันก็จะเป็นการกระทำที่เพิ่มระดับข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ให้รุนแรงขึ้นอีก พร้อมกับนั้นนักการทูตผู้นี้ได้ขอให้วอชิงตันแสดงท่าทีที่หนักแน่นจริงจังเพื่อให้แน่ใจว่า ปักกิ่งจะไม่ใช้ฝีก้าวซึ่งเป็นการ “ยั่วยุอย่างยิ่ง” เช่นนี้
เอพีรายงานว่า โฮเซ กุยเซีย จูเนียร์ (Jose Cuisia Jr.) เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำกรุงวอชิงตัน ได้กล่าวต่อที่ประชุมแถลงข่าวในกรุงมะนิลาว่า นายทหารเรืออาวุโสผู้หนึ่งของกองทัพเรือสหรัฐฯ ได้รายงานเรื่องการพบเรือสำรวจจีนที่น่าสงสัยลำหนึ่งในบริเวณสันดอนสคาร์โบโร (Scarborough Shoal) เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมกับแสดงความกังวลต่อการที่เรือลำดังกล่าวออกมาปรากฏตัวในพื้นที่พิพาทกลางทะเลจีนใต้เช่นนี้
เอกอัครราชทูตกุยเซียแถลงต่อไปว่า หลังจากนั้นแล้วทางกองทัพฟิลิปปินส์ได้พยายามติดตามตรวจสอบทว่าไม่พบอะไรเลย โดยเป็นไปได้ที่ว่าเรือจีนลำนั้นคงจะออกจากบริเวณสันดอนดังกล่าวไปแล้วในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่า การที่กองทัพเรือสหรัฐฯพบเห็นเรือสำรวจลำนั้นที่สันดอนสคาร์โบโร ซึ่งเป็นบริเวณที่มีทรัพยากรสัตว์น้ำชุกชุม ตั้งอยู่ห่างจากด้านตะวันตกของฟิลิปปินส์ราว 230 กิโลเมตรนั้น ทำให้เพิ่มความระแวงสงสัยที่ว่า ปักกิ่งกำลังเล็งมองไปที่ สันดอน หรือที่จริงแล้วเป็นเกาะปะการังขนาดใหญ่แห่งนี้ ในฐานะที่เป็นเป้าหมายถัดไปของจีน ในกระแสการถมทะเลสร้างเกาะเทียมในทะเลจีนใต้อย่างเมามันสนุกสนานของแดนมังกร
“ผมคิดว่ามันจะเป็นการกระทำที่ยั่วยุอย่างยิ่ง ถ้าหากพวกเขาจะสร้างอะไรบนสันดอนสคาร์โบโร” กุยเซีย กล่าว พร้อมกับเสริมด้วยว่า พฤติการณ์เช่นนั้น “จะยิ่งยกระดับความตึงเครียดและความขัดแย้งให้รุนแรงลุกลามออกไปอีก”
เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ผู้นี้ยอมรับว่า มะนิลาเองไม่มีสมรรถนะที่จะหยุดยั้งไม่ให้จีนดำเนินการถมทะเลทำการก่อสร้างเกาะเทียมขึ้นที่บริเวณสันดอนสคาร์โบโร โดยที่ระยะเวลาที่ผ่านมาชาวประมงของฟิลิปปินส์ก็ได้ถูกหน่วยยามฝั่งของจีนซึ่งส่งเรือเข้ามาหลายลำ ห้ามไม่ให้เข้าไปในพื้นที่อยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ “เราจึงหวังว่าสหรัฐฯและประเทศอื่นๆ ... จะทำให้จีนบังเกิดความแน่ใจว่า ไม่ควรที่จะเดินหน้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว” กุยเซีย แถลง
เอพีอ้างคำแถลงแสดงจุดยืนอย่างเป็นทางการของวอชิงตันซึ่งบอกว่า ตนเองไม่ได้เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดในกรณีพิพาทช่วงชิงดินแดนต่างๆ ในทะเลจีนใต้ อันมีจีน, ฟิลิปปินส์, และรัฐบาลอื่นๆ อีก 4 ฝ่ายเป็นคู่กรณี แต่วอชิงตันก็ประกาศด้วยว่าการธำรงรักษาเสรีภาพในการเดินเรือและในการเดินอากาศเหนืออาณาบริเวณน่านน้ำซึ่งมีการสัญจรคับคั่งแห่งนี้ เป็นผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐฯ
กุยเซียบอกว่า ตัวเขาเองมีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นในเรื่องการทำข้อตกลงเมื่อปี 2012 ที่มีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเป็นคนกลาง ซึ่งกำหนดให้ทั้งจีนและฟิลิปปินส์ถอนเรือของฝ่ายตนออกไปจากบริเวณสันดอนสคาร์โบโรในทันที เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการปะทะกันขึ้นมาในระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายเข้าไปเผชิญหน้ากันอย่างตึงเครียด
เขากล่าวหาว่า ฝ่ายจีนได้หักหลังไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว โดยปฏิเสธไม่ยอมถอนเรือของฝ่ายตน ทั้งๆ ที่ฟิลิปปินส์ได้ยอมถอนไปก่อนแล้ว และมาถึงตอนนี้ปักกิ่งก็มาอ้างว่าไม่เคยมีการทำข้อตกลงดังกล่าว
“เราถูกเขาขี้โกงเฉยเลย” กุยเซีย ระบุ
Manila ‘set to restart’ revamp of airport in South China Sea
BY AT EDITOR
12/04/2016
หนังสือพิมพ์ทางการจีนรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า ฟิลิปปินส์ทำท่าเตรียมจะเข้าปรับปรุงยกระดับสนามบินทหารบนเกาะจงเย่ หรือ ปักอาซา ในทะเลจีนใต้ ซึ่งปักกิ่งอ้างกรรมสิทธิ์และระบุว่ามะนิลาเข้าไปยึดครองอย่างผิดกฎหมาย ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง สำนักข่าวเอพีของสหรัฐฯก็รายงานคำแถลงของเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำกรุงวอชิงตัน ที่อ้างกองทัพเรืออเมริกันพบเห็นเรือสำรวจของจีนมีพฤติการณ์น่าสงสัยใกล้ๆ บริเวณสันดอนสคาร์โบโร ทำให้เพิ่มความระแวงที่ว่าปักกิ่งจะสร้างเกาะเทียมขึ้นที่สันดอนกลางทะเลจีนใต้แห่งนี้ ซึ่งฟิลิปปินส์ประกาศอ้างว่าเป็นของตน
ฟิลิปปินส์ทำท่าเตรียมพร้อมแล้วที่จะเริ่มต้นกันอีกครั้ง สำหรับงานก่อสร้างปรับปรุงยกระดับสนามบินทหารแห่งหนึ่งบนเกาะจงเย่ (Zhongye ทางฝ่ายฟิลิปปินส์เรียกชื่อเกาะนี้ว่าเกาะปักอาซา Pag-Asa) อันเป็นดินแดนในทะเลจีนใต้ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจีน หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี่ (China Daily) รายงานโดยอ้างคำบอกเล่าของแหล่งข่าวซึ่งไม่มีการเปิดเผยนามรายหนึ่ง
แหล่งข่าวรายนี้บอกว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กองทัพอากาศฟิลิปปินส์ได้ใช้เครื่องบินขนส่งหลายลำ บรรทุกพวกวัสดุก่อสร้าง เป็นต้นว่า ก้อนหิน และทราย ในปริมาณมากทีเดียว ตลอดจนน้ำมันประเภทต่างๆ ไปยังเกาะแห่งนี้
ความเคลื่อนไหวเช่นนี้เป็นการบ่งบอกว่า ฟิลิปปินส์กำลังเตรียมตัวที่จะเริ่มต้นงานปรับปรุงยกระดับสนามบินอีกครั้งหนึ่ง แหล่งข่าวรายนี้ระบุ
ไชน่าเดลี่ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของทางการจีน รายงานว่า ฝ่ายจีนนั้นถือว่าฟิลิปปินส์กำลังเข้าครอบครองดินแดนต่างๆ หลายแห่งของจีนที่ตั้งอยู่ในทะเลจีนใต้อย่างผิดกฎหมายมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1970 หนึ่งในนั้นก็คือเกาะจงเย่ โดยบนเกาะแห่งนี้มะนิลาได้ดำเนินการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างทั้งทางทหารและทางพลเรือนอย่างขนานใหญ่ เป็นต้นว่า สนามบิน, ท่าเรือ, และค่ายทหาร
รายงานของหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของทางการจีนฉบับนี้ระบุแบบให้ภูมิหลังด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า ในเดือนมกราคม 2013 รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้กระทำการริเริ่มแต่เพียงฝ่ายเดียว ในการยื่นฟ้องร้องจีนต่อศาลอนุญาโตตุลาการแห่งหนึ่งในกรุงเฮก จากนั้นมะนิลาอ้างว่าได้หยุดยั้งการซ่อมแซมอัปเกรดสนามบินบนเกาะจงเย่แห่งนี้ถึง 2 ครั้ง คือในปี 2014 และปี 2015
“การที่ฟิลิปปินส์เริ่มต้นโครงการปรับปรุงยกระดับสนามบินทหารแห่งนี้ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง คือการกระทำที่ผิดแผกแตกต่างอย่างเห็นชัดเจนจากสิ่งที่มะนิลาเที่ยวอวดอ้างป่าวร้องต่อสาธารณชนในอดีตที่ผ่านมา” แหล่งข่าวของไชน่าเดลี่กล่าว
ไชน่าเดลี่สำทับด้วยว่า จีนนั้นคัดค้านเสมอมาต่อการที่ฟิลิปปินส์เข้าครอบครองเกาะต่างๆ ของฝ่ายจีนอย่างผิดกฎหมาย อีกทั้งเรียกร้องเรื่อยมาให้มะนิลายุติเลิกรากิจกรรมแบบนี้
ฟิลิปปินส์เตือนจีนอย่าได้ถม ‘สันดอนสคาร์โบโร’ ให้เป็นเกาะเทียม
ในอีกด้านหนึ่ง สำนักข่าวเอพีของสหรัฐฯ ได้รายงานข่าวว่า นักการทูตคนสำคัญผู้หนึ่งของฟิลิปปินส์ ได้ออกมากล่าวเตือนเมื่อวันอังคาร (12 เม.ย.) ว่า ถ้าหากฝ่ายจีนมีความเคลื่อนไหวใดๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงสันดอนกลางทะเลจีนใต้แห่งหนึ่งซึ่งยังคงอยู่ระหว่างพิพาทช่วงชิงกรรมสิทธิ์กับฟิลิปปินส์ ให้กลายเป็นเกาะเทียมขึ้นมาจริงๆ ตามที่กองทัพเรือสหรัฐฯได้พบเห็นเรือสำรวจของจีนลำหนึ่งซึ่งมีพฤติการณ์น่าสงสัยในบริเวณดังกล่าวแล้ว มันก็จะเป็นการกระทำที่เพิ่มระดับข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ให้รุนแรงขึ้นอีก พร้อมกับนั้นนักการทูตผู้นี้ได้ขอให้วอชิงตันแสดงท่าทีที่หนักแน่นจริงจังเพื่อให้แน่ใจว่า ปักกิ่งจะไม่ใช้ฝีก้าวซึ่งเป็นการ “ยั่วยุอย่างยิ่ง” เช่นนี้
เอพีรายงานว่า โฮเซ กุยเซีย จูเนียร์ (Jose Cuisia Jr.) เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำกรุงวอชิงตัน ได้กล่าวต่อที่ประชุมแถลงข่าวในกรุงมะนิลาว่า นายทหารเรืออาวุโสผู้หนึ่งของกองทัพเรือสหรัฐฯ ได้รายงานเรื่องการพบเรือสำรวจจีนที่น่าสงสัยลำหนึ่งในบริเวณสันดอนสคาร์โบโร (Scarborough Shoal) เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมกับแสดงความกังวลต่อการที่เรือลำดังกล่าวออกมาปรากฏตัวในพื้นที่พิพาทกลางทะเลจีนใต้เช่นนี้
เอกอัครราชทูตกุยเซียแถลงต่อไปว่า หลังจากนั้นแล้วทางกองทัพฟิลิปปินส์ได้พยายามติดตามตรวจสอบทว่าไม่พบอะไรเลย โดยเป็นไปได้ที่ว่าเรือจีนลำนั้นคงจะออกจากบริเวณสันดอนดังกล่าวไปแล้วในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่า การที่กองทัพเรือสหรัฐฯพบเห็นเรือสำรวจลำนั้นที่สันดอนสคาร์โบโร ซึ่งเป็นบริเวณที่มีทรัพยากรสัตว์น้ำชุกชุม ตั้งอยู่ห่างจากด้านตะวันตกของฟิลิปปินส์ราว 230 กิโลเมตรนั้น ทำให้เพิ่มความระแวงสงสัยที่ว่า ปักกิ่งกำลังเล็งมองไปที่ สันดอน หรือที่จริงแล้วเป็นเกาะปะการังขนาดใหญ่แห่งนี้ ในฐานะที่เป็นเป้าหมายถัดไปของจีน ในกระแสการถมทะเลสร้างเกาะเทียมในทะเลจีนใต้อย่างเมามันสนุกสนานของแดนมังกร
“ผมคิดว่ามันจะเป็นการกระทำที่ยั่วยุอย่างยิ่ง ถ้าหากพวกเขาจะสร้างอะไรบนสันดอนสคาร์โบโร” กุยเซีย กล่าว พร้อมกับเสริมด้วยว่า พฤติการณ์เช่นนั้น “จะยิ่งยกระดับความตึงเครียดและความขัดแย้งให้รุนแรงลุกลามออกไปอีก”
เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ผู้นี้ยอมรับว่า มะนิลาเองไม่มีสมรรถนะที่จะหยุดยั้งไม่ให้จีนดำเนินการถมทะเลทำการก่อสร้างเกาะเทียมขึ้นที่บริเวณสันดอนสคาร์โบโร โดยที่ระยะเวลาที่ผ่านมาชาวประมงของฟิลิปปินส์ก็ได้ถูกหน่วยยามฝั่งของจีนซึ่งส่งเรือเข้ามาหลายลำ ห้ามไม่ให้เข้าไปในพื้นที่อยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ “เราจึงหวังว่าสหรัฐฯและประเทศอื่นๆ ... จะทำให้จีนบังเกิดความแน่ใจว่า ไม่ควรที่จะเดินหน้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว” กุยเซีย แถลง
เอพีอ้างคำแถลงแสดงจุดยืนอย่างเป็นทางการของวอชิงตันซึ่งบอกว่า ตนเองไม่ได้เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดในกรณีพิพาทช่วงชิงดินแดนต่างๆ ในทะเลจีนใต้ อันมีจีน, ฟิลิปปินส์, และรัฐบาลอื่นๆ อีก 4 ฝ่ายเป็นคู่กรณี แต่วอชิงตันก็ประกาศด้วยว่าการธำรงรักษาเสรีภาพในการเดินเรือและในการเดินอากาศเหนืออาณาบริเวณน่านน้ำซึ่งมีการสัญจรคับคั่งแห่งนี้ เป็นผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐฯ
กุยเซียบอกว่า ตัวเขาเองมีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นในเรื่องการทำข้อตกลงเมื่อปี 2012 ที่มีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเป็นคนกลาง ซึ่งกำหนดให้ทั้งจีนและฟิลิปปินส์ถอนเรือของฝ่ายตนออกไปจากบริเวณสันดอนสคาร์โบโรในทันที เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการปะทะกันขึ้นมาในระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายเข้าไปเผชิญหน้ากันอย่างตึงเครียด
เขากล่าวหาว่า ฝ่ายจีนได้หักหลังไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว โดยปฏิเสธไม่ยอมถอนเรือของฝ่ายตน ทั้งๆ ที่ฟิลิปปินส์ได้ยอมถอนไปก่อนแล้ว และมาถึงตอนนี้ปักกิ่งก็มาอ้างว่าไม่เคยมีการทำข้อตกลงดังกล่าว
“เราถูกเขาขี้โกงเฉยเลย” กุยเซีย ระบุ