xs
xsm
sm
md
lg

กษัตริย์ซาอุฯชื่นมื่นกับซิซี ร่วมประวัติศาสตร์สร้างสะพานข้ามทะเลแดงไปหาอียิปต์ พร้อมกระชับสัมพันธ์ด้วย MOU 1.7 พันล้านดอลลาร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้ (8 เม.ย) กษัตริย์ซัลมานแห่งซาอุฯ ออกแถลงการณ์ครั้งประวัติศาสตร์แผนการสร้างสะพานจากแดนเศรษฐีน้ำมันทอดข้ามทะเลแดงยาวเชื่อมไปยังอียิปต์ เชื่อม 2 ทวีปเข้าด้วยกัน พร้อมกับข้อตกลงระดับทวิภาคีของทั้ง 2 ชาติมูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์ในการเสด็จเยือนอียิปต์อย่างเป็นทางการ 5 วัน

เอเอฟพีรายงานวันนี้ (9 เม.ย) สมเด็จพระราชาธิบดี ซัลมาน บิน อับดุลลาซิซ ทรงออกแถลงการณ์ประกาศข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์หลังจากที่ล้มเหลวมาแล้วครั้งหนึ่งในการสร้างสะพานเชื่อมระหว่างทวีปเอเชีย และแอฟริกาเข้าด้วยกันในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนอียิปต์เป็นเวลา 5 วันของพระองค์

ทั้งนี้ บีบีซีรายงานว่า ข้อเสนอการสร้างสะพานข้ามทะเลแดงจากซาอุฯไปยังอียิปต์นั้นเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้วก่อนหน้านี้ แต่ไม่ประสบความสำเร็จจนถึงครั้งล่าสุดนี้

ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการประเมินว่า โปรเจกต์การสร้างสะพานครั้งประวัติศาสตร์นี้มีตัวเลขค่าใช้จ่ายราว 3 - 4 พันล้านดอลลาร์ แต่อย่างไรก็ตาม งบประมาณการสร้างสะพานแห่งนี้ครั้งล่าสุดยังไม่เป็นที่เปิดเผย

เอเอฟพีรายงานต่อว่า กษัตริย์ซัลมานทรงเดินทางมาถึงอียิปต์ในวันพฤหัสบดี (7) ได้ทรงประกาศถึงความสำเร็จนี้หลังจากทรงพบกับประธานาธิบดี อียิปต์ อับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี ที่ทำเนียบรัฐบาลอียิปต์

“ข้าพเจ้าเห็นชอบด้วยกับน้องชายที่รัก ประธานาธิบดี อับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี ในแผนการสร้างสะพานเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติเข้าด้วยกัน” สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลลาซิซ ทรงกล่าวผ่านแถลงการณ์

และพระองค์ยังทรงแถลงเพิ่มเติมว่า “นี่เป็นจุดเริ่มต้นครั้งประวัติศาสตร์ในการเชื่อม เอเชียและแอฟริกา ทั้งสองทวีปเข้าด้วยกัน ถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพที่จะช่วยยกระดับมูลค่าการค้าขายระหว่างทั้งเอเชียและแอฟริกาให้สูงขึ้น”

และในแถลงการณร่วมนี้ ซิซีได้ประกาศว่า สะพานครั้งประวัติศาสตร์นี้จะตั้งตามพระนามของกษัตริย์ซาอุฯ “สะพานสมเด็จพระราชาธิบดี ซัลมาน บิน อับดุล อาซิส”

ซึ่งเอเอฟพีชี้ว่า มีนักท่องเที่ยวจากแดนเศรษฐีน้ำมันจำนวนมากเดินทางมาท่องเที่ยวในอียิปต์ทุกปี ในขณะเดียวกัน มีพลเมืองอียิปต์เดินทางไปยังซาอุฯเพื่อเข้าร่วมพิธีฮัจญ์ประจำปี และยังรวมไปถึงคนงานชาวอียิปต์หลายแสนคนทำงานอยู่ในซาอุฯ และนำเงินส่งกลับมายังอียิปต์

นอกจากนี้ ในการเสด็จเยือนของกษัตริย์ ซัลมาน ทั้งสองชาติต่างได้ร่วมลงนามในข้อตกลง MOU 17 ฉบับที่มีมูลค่าร่วม 1.7 พันล้านดอลลาร์

โดยเอเอฟพีรายงานจากแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ซาอุฯ ว่า ในข้อตกลงเหล่านี้ยังรวมไปถึง สัญญาการสร้างมหาวิทยาลัย บ้าน บนคาบสมุทรไซนายใต้ รวมไปถึงโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า

อย่างไรก็ตาม สถานทูตซาอุฯประจำอียิปต์ได้แถลงว่า ในวันนี้ (9) คาดว่า จะมีการประกาศข้อตกลงร่วมระหว่างซาอุฯ และอียิปต์ ที่สำคัญอีก “ข้อตกลงที่จะมีการร่วมลงนามในเย็นวันนี้ คาดว่า มูลค่าของตกลงร่วมนี้จะทำให้หลายคนตื่นเต้น” รายงานจากแถลงการณ์ทางทวิตเตอร์ของสถานทูตซาอุฯประจำอียิปต์

ทั้งนี้ ในวันศุกร์ (8) ผู้นำอียิปต์ได้ให้คำมั่นรับปากกับกษัตริย์ซาอุฯเกี่ยวกับความร่วมมือด้านความมั่นคง โดยซิซีรับปากว่า หากเมื่อใดก็ตามที่ทางซาอุฯต้องการกำลังทหารทางภาคพื้น ทางอียิปต์จะส่งไปช่วย ซึ่งก่อนการเสด็จมาเยือนอียิปต์ หนังสือพิมพ์ทั้งสองชาติได้เสนอข่าวถึงความสัมพันธ์ที่ไม่แนบแน่น ระหว่างแดนเศรษฐีน้ำมัน และแดนไอยคุปต์ ที่ดูเหมือนทางอียิปต์ไม่ต้องการที่จะร่วมในสงครามเยเมนที่มีซาอุฯเป็นผู้นำชาติพันธมิตรในการคืนอำนาจให้กับรัฐบาลที่มีนานาชาติรับรองจากกบฏฮูธิ ที่มีอิหร่านอยู่เบื้องหลัง เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าอียิปต์นั้นมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ที่ได้ช่วยเหลือประธานาธิบดี บาชาร์ อัล อัสซาดต่อต้านกบฏซีเรียที่ได้รับการช่วยเหลือจากซาอุฯ

แต่อย่างไรก็ตาม เอเอฟพีวิเคราะห์ว่า ซาอุฯถือเป็นตัวสำคัญในการทำให้เศรษฐกิจของอียิปต์กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง หลังจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศถูกทำลายจากเหตุความไม่สงบทางการเมืองที่ยาวนานและต่อเนื่อง

ด้าน ซาอุฯ เอเอฟพีคาดว่า การเข้ามาครั้งนี้ในแดนไอยคุปต์เพื่อต้องการกันอียิปต์ให้ออกห่างอิหร่าน ศัตรูหมายเลข 1 ในเวลานี้ และทางริยาดถือว่าอียิปต์เป็นเสมือนพันธมิตรที่สำคัญทางยุทธศาสตร์




กำลังโหลดความคิดเห็น