เอเจนซีส์ / MGR online - กลุ่มเคลื่อนไหว “ฮิวแมน ไรต์วอตช์” เผยในวันพุธ (6 เม.ย.) โดยระบุว่าผู้คนเกือบ 20 ล้านชีวิตในบังกลาเทศยังคงต้องดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อนของสารหนูในระดับสูง ถึงแม้จะมีการพบปัญหานี้มาแล้วหลายสิบปี
รายงานล่าสุดของฮิวแมน ไรต์วอตช์ ซึ่งมีความยาว 111 หน้า ระบุว่าในแต่ละปีชาวบังกลาเทศราว 43,000 รายต้องเสียชีวิตจากอาการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับสารหนู โดยที่ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ในจำนวนนี้อาศัยอยู่ในเขตชนบท ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทางการบังกลาเทศก็ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการเฝ้าระวัง และควบคุมการปนเปื้อนของสารหนูในโครงการชลประทานและประปา
ริชาร์ด เพียร์สเฮาส์ นักวิจัยซึ่งทำงานกับฮิวแมน ฮิวแมน ไรต์วอตช์ ระบุว่า รัฐบาลในกรุงธากาล้มเหลวในการแก้ปัญหานี้ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่คุกคามสุขภาพของผู้คนในเขตชนบทที่ยากจน
รายงานระบุว่า ปัญหานี้มีต้นตอมาจากโครงการของรัฐบาลบังกลาเทศเมื่อช่วงทศวรรษที่ 1970 ที่รัฐบาลมีการขุดเจาะบ่อน้ำแบบตื้นจำนวนนับล้านบ่อเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ แต่ทว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของบังกลาเทศกลับไม่ทราบเลยว่าชั้นดินตื้นส่วนใหญ่ในประเทศของตนนั้นมีการปนเปื้อนของสารหนูในระดับเข้มข้น จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีมานี้ที่รัฐบาลธากาเพิ่งตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการขุดเจาะบ่อน้ำแบบใหม่ที่มีความลึกมากกว่าเดิมเพื่อลดการปนเปื้อนของสารหนูในดิน
อย่างไรก็ดี ตอริกุล อิสลาม นักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยชิคาโกกลับพบข้อมูลว่า บรรดานักการเมืองท้องถิ่นของบังกลาเทศ กลับมีการนำโครงการขุดบ่อน้ำแบบลึกนี้ ไปเป็นเครื่องมือสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองด้วยการจัดสรรโครงการให้กับผู้สนับสนุนหรือหัวคะแนนของตัวเอง ขณะที่ประชาชนทั่วไปยังคงต้องดื่มและใช้น้ำที่ปนเปื้อนเช่นเดิม
ทั้งนี้ ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) ระบุว่า ชาวบังกลาเทศจำนวนหลายล้านคนอาจต้องเสียชีวิตหากรัฐบาลของตน รวมถึงบรรดาประเทศผู้บริจาคนานาชาติ ยังคงล้มเหลวที่จะยับยั้งการปนเปื้อนนี้ ที่ถือเป็น “การวางยาพิษหมู่ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก”
