เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรี มานูเอล วาลส์ ของฝรั่งเศส กล่าวว่า ศาสนาอิสลามแบบสุดโต่งกำลังชนะสงครามโฆษณาชวนเชื่อทางความรู้สึกและความคิด พร้อมเตือนว่าผ้าคลุมหน้ากำลังถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ทางการเมืองสำหรับการกดขี่ผู้หญิง
ในการปราศรัยที่การประชุมว่าด้วยศาสนาอิสลามในกรุงปารีสเมื่อวานนี้ (4) วาลส์เตือนว่าลัทธิซาลาฟีกำลัง “ชนะศึกทางความคิดและวัฒนธรรม” ในฝรั่งเศส ประเทศที่มีประชากรชาวมุสลิมมากที่สุดในยุโรป
เขาให้คำมั่นด้วยว่าจะเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคงและกลาโหมของฝรั่งเศสอีก “อย่างมหาศาล” ในไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ในขณะที่ประเทศนี้กำลังรับมือกับภัยคุกคามที่เพิ่มมาดขึ้นจากนักรบญิฮาดภายหลังการโจมตีนองเลือด 2 ครั้งเมื่อปีที่แล้ว
“ลัทธิซาลาฟีน่าจะเป็นตัวแทนของชาวมุสลิม 1 เปอร์เซ็นต์ในประเทศของเราในวันนี้ แต่ข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์ของพวกเขาคือสิ่งเดียวที่พวกเราได้ยินในตอนนี้” เขากล่าว
ฝรั่งเศสปราบปรามแนวคิดหัวรุนแรงนับตั้งแต่การโจมตีสำนักนักของนิตยสารชาลีเอ็บโดโดยพวกนักรบญิฮาดเมื่อเดือนมกราคมปี 2015 และหลังจากมือปืนและมือระเบิดฆ่าตัวตายของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) สังหารคน 130 คนบนถนนหลายเส้นในกรุงปารีสเมื่อเดือนพฤศจิกายน
การวางระเบิดในกรุงบรัสเซลส์ของกลุ่มไอเอสเมื่อเดือนที่แล้ว ยิ่งทำให้เกิดความกลัวว่าหลายส่วนของยุโรปกำลังกลายเป็นแหล่งบ่มเพาะแนวคิดหัวรุนแรง
อย่างไรก็ตาม มีความหวาดกลัวกันถึงผลสะท้อนกลับของปรากฏการณ์ความกลัวอิสลาม และรัฐมนตรีกระทรวงสิทธิสตรีของฝรั่งเศสได้สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นเมื่อเดือนที่แล้วเมื่อเธอเปรียบเทียบผู้หญิงที่ใส่ผ้าคลุมหน้ากับ “พวกคนดำที่สนับสนุนการเป็นทาส”
ความคิดเห็นของเธอเป็นการตอบสนองต่อการเติบโตขึ้นของแฟชั่นที่ถูกปรับให้เหมาะสมกับตลาดมุสลิม ในขณะที่บริษัทแฟชั่นชื่อดังต่าง ๆ รวมถึงดอลเช่แอนด์แกบบาน่าได้เริ่มออกไลน์สินค้าผ้าคลุมหน้าฮาญิบและชุดว่ายน้ำเต็มตัว “เบอร์กีนี”
ฝรั่งเศสห้ามไม่ให้ชาวมุสลิมปิดบังใบหน้าในที่สาธารณะ และวาลส์กล่าวว่า ผ้าคลุมหน้าถูกบางคนใช้เพื่อท้าทายสังคมฆราวาสของฝรั่งเศส
“การปิดบังใบหน้าไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความนิยมทางแฟชั่น มันไม่ใช่ข้ออ้างที่ใครจะใส่ มันคือการกดขี่ผู้หญิง” เขากล่าว พร้อมเตือนเรื่อง “ข้อความทางความคิดที่อาจแพร่กระจายอยู่เบื้องหลังสัญลักษณ์ทางศาสนา”
“เราต้องแยกให้ออกระหว่างการใส่ผ้าคลุมหน้าในฐานะผ้าคลุมผมสำหรับหญิงชรา และการสวมมันในฐานะสัญลักษณ์ทางการเมืองเพื่อท้าทายสังคมฝรั่งเศส”