เอเอฟพี - รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมของออสเตรเลียระบุในวันนี้ (3) ว่า เศษชิ้นส่วนใหม่ที่ถูกพบบนเกาะแห่งหนึ่งของประเทศมอริเชียสในมหาสมุทรอินเดียจะถูกตรวจสอบเพื่อดูว่ามันเป็นของเที่ยวบิน MH370 หรือไม่ หลังชิ้นส่วนที่ถูกพบในโมซัมบิก 2 ชิ้นถูกเชื่อมโยงเข้ากับเที่ยวบินสาบสูญดังกล่าวเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่แล้ว
ชิ้นส่วนดังกล่าวถูกพบบนเกาะโรดริเกซของมอริเชียสโดยนักท่องเที่ยวคู่หนึ่ง news.com.au รายงานโดยอ้างจากเว็บไซต์ Clicanoo ของเกาะเรอูนิยง
“รัฐบาลมาเลเซียกำลังทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่จากมอริเชียสเพื่อนำชิ้นส่วนมาอยู่ในการคุ้มครองและจัดการเกี่ยวกับการทดสอบ” ดาร์เร็น เชสเตอร์ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมออสเตรเลีย กล่าว
“ชิ้นส่วนนี้เป็นวัตถุที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตามจนกว่ามันจะถูกตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะระบุที่มาของมัน”
อย่างไรก็ตามมันไม่เป็นที่ชัดเจนว่าประเทศใดจะรับหน้าที่ตรวจสอบชิ้นส่วนนี้
ดอน ทอมสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินบอกกับเว็บไซต์ข่าวของแดนจิงโจ้ว่า ชิ้นส่วนดังกล่าวอาจเป็นผนังภายในจากห้องโดยสารชั้นธุรกิจหรือชั้นประหยัดของเครื่องบินโบอิ้ง 777 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์
การค้นพบครั้งล่าสุดนี้มีขึ้นไม่ถึงสองเดือนหลังจากที่ทางการออสเตรเลียและมาเลเซียระบุว่าเศษชิ้นส่วน 2 ชิ้นถูกพบในโมซัมบิกมาจาก “MH370 เกือบจะแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์”
ชิ้นส่วนอีกชิ้นที่ถูกเก็บได้ใกล้มอสเซิลเบย์ เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดเวสเทิร์นคาเปในแอฟริกาใต้ ก็จะถูกวิเคราะห์ด้วยว่ามาจาก MH370 หรือไม่ เจ้าหน้าที่แอฟริกาใต้ระบุเมื่อเดือนที่แล้ว
ก่อนการค้นพบครั้งใหม่ๆ เหล่านี้ ชิ้นส่วนปีกเพียงชิ้นเดียวที่ถูกเก็บกู้มาจากเกาะเรอูนิยงในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของโมซัมบิกและมอริเชียส ได้ถูกยืนยันว่ามาจากเครื่องบินลำดังกล่าวที่หายสาบสูญเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
ออสเตรเลียกำลังเป็นหัวหอกในการค้นหา MH370 ในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งเที่ยวบินกัวลาลัมเปอร์-ปักกิ่งลำนี้เชื่อว่าได้ตกลงไปหลังจากหายสาบสูญเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ปี 2014 พร้อมกับผู้โดยสารและลูกเรือรวม 239 ชีวิต
เชสเตอร์กล่าวเสริมว่า ทางการ “ยังคงมีความหวังว่าเครื่องบินลำดังกล่าวจะถูกพบ” จนถึงตอนนี้มีการค้นหาไปแล้วกว่า 95,000 ตารางกิโลเมตรจากพื้นที่เป้าหมาย 120,000 ตารางกิโลเมตร แต่ก็ยังไม่พบพื้นที่ตก
รัฐบาลออสเตรเลีย จีน และมาเลเซียระบุว่าพวกเขาจะยุติการค้นหาเมื่อพื้นที่เป้าหมายถูกค้นหาจนทั่วแล้ว โดยที่ไม่มีข้อมูลใหม่ที่น่าเชื่อถือปรากฏออกมา