เอเจนซีส์ - หนุ่มอังกฤษรายหนึ่งได้ยืนยิ้มถ่ายรูปคู่กับโจรจี้เครื่องบินของอียิปต์แอร์ เขาระบุว่า ที่ทำลงไปเช่นนั้นก็เพราะอยากจะดูเข็มขัดระเบิดใกล้ๆ พร้อมทั้งบอกด้วยว่า “หากระเบิดนั่นเป็นของจริง ผมก็คงไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว”
เบน อินเนส ชายชาวอังกฤษวัย 26 ปี คือ 1 ใน 3 ผู้โดยสารกับ 4 ลูกเรือที่ตกเป็นตัวประกัน จากเหตุการณ์ที่ “เซอิฟ เอลดิน มุสตาฟา” ได้จี้เครื่องบินของอียิปต์แอร์ ที่ออกจากอเล็กซานเดรียไปสู่ไคโร แล้วสั่งให้เปลี่ยนเส้นทางไปไซปรัส
เครื่องบินลำนั้นลงจอดที่สนามบินลาร์นากา ที่นั่นเองที่อินเนสได้มีโอกาสยืนเคียงข้างกับมุสตาฟา ผู้สวมสิ่งที่เขาอ้างว่าเป็นเข็มขัดระเบิด แล้วถ่ายรูปร่วมกับในเครื่องบินแอร์บัส 320 อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมามีการพบว่าระเบิดดังกล่าวนั้นเป็นของปลอม
อินเนส เป็นผู้ตรวจสอบด้านสุขภาพและความปลอดภัยจากเมืองลีดส์ ใช้ชีวิตอยู่ในอเบอร์ดีน ตอนที่เที่ยวบิน MS181 ถูกยึดนั้น เขากำลังเดินทางกลับบ้านหลังจากไปทำงาน
เขาได้บอกกับหนังสือพิมพ์ “เดอะ ซัน” เกี่ยวกับแรงจูงใจให้ทำเช่นนั้นว่า ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมทำแบบนั้น แค่โยนความระมัดระวังทิ้งไปกับสายลมในขณะที่พยายามทำตัวร่าเริงในการเผชิญกับคราวเคราะห์ เขาคิดว่าถ้าระเบิดนั่นเป็นของจริง เขาก็คงไม่มีอะไรจะเสีย ก็เลยอยากจะใช้โอกาสนั้นเข้าไปดูใกล้ๆ
“ผมได้ลูกเรือคนหนึ่งมาช่วยเป็นล่ามให้ แล้วก็ขอถ่ายรูปเซลฟีกับเขา แล้วเขาก็แค่ยักไหล่โอเค ผมก็เลยไปยืนข้างเขาแล้วฉีกยิ้มให้กับกล้อง โดยมีลูกเรือเป็นคนถ่ายรูปให้ มันจะเป็นเซลฟีที่ดีที่สุดตลอดกาลของผม” อินเนสเปิดเผยความรู้สึก
“หลังจากครึ่งชั่วโมงที่ลาร์นากา ผมขอถ่ายรูปกับเขาตอนที่เรากำลังนั่งรอ ตอนนั้นผมคิดว่าทำไมจะไม่ได้ล่ะ หากเขาจะระเบิดเราทิ้งทั้งหมด แค่ถ่ายรูปมันก็คงไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร” หนุ่มอังกฤษอธิบาย เขาอยู่ในกลุ่มผู้โดยสารชุดสุดท้ายที่ถูกมุสตาฟาปล่อยตัว หลังจากที่โจรจี้เครื่องบินรายนี้ได้ปล่อยคนอื่นไปเกือบหมดแล้ว
เมื่อได้พินิจพิเคราะห์ดูใกล้ๆ อินเนสก็เกิดสงสัยว่าเข็มขัดระเบิดของมุสตาฟานั้นอาจจะเป็นของปลอม เขาบอกว่าตอนนั้นเขาจึงได้ตัดสินใจกลับไปนั่งที่ของตัวเองแล้ววางแผนว่าควรจะทำอะไรต่อไป ในเวลาต่อมาเขากับตัวประกันที่เหลือก็ได้รับการปล่อยตัว
การกระทำของอินเนสถูกตำหนิโดยผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง แต่ญาติๆ พากันชื่นชม ส่วนเพื่อนๆ ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่านั่นล่ะคือตัวตนของอินเนส
ซาราห์ อินเนส ญาติคนหนึ่งของเบนได้ทวีตข้อความว่า “มีแต่เบนที่ได้ถ่ายเซลฟี #ภูมิใจ (#proud)” อย่างไรก็ตาม มีการลบข้อความนี้ในเวลาต่อมา
แม้รูปถ่ายนั้นจะถูกเรียกว่า “เซลฟี” แต่ว่าแม่ของเบน “พอลลีน อินเนส” ได้โต้แย้งเรื่องนี้ เนื่องจากเห็นได้ชัดเจนว่าลูกชายของเธอไม่ได้ถ่ายรูปด้วยตัวเขาเอง
“เราพูดได้เลย มันชัดเจนมากว่านี่ไม่ใช่เซลฟีอย่างที่ทุกคนพากันเรียก คุณจะเห็นได้ชัดเจนว่าเบนไม่ได้เป็นคนถ่ายรูป เขาอยู่ในรูปแต่ไม่ได้เป็นคนถ่าย” แม่ผู้สายตาดีจับผิดลูกชาย
อินเนสได้ส่งรูปจากบนเครื่องบินไปให้กับเพื่อนๆ ในสหราชอาณาจักร โดยที่ข้อความการสนทนาผ่าน “วอตช์แอป” ถูกนำมาเผยแพร่โดยหนังสือพิมพ์เดลีเมลล์ เขียนไว้ว่า “พวกนายรู้ดีว่าเพื่อนนายไม่ใช่ขี้ไก่นะเว้ย เปิดดูข่าวกันสิพรรคพวก!!!”
คริส ทันโดแกน เพื่อนร่วมห้องของอินเนส บอกกับเดลีเมล์ว่า เบนไม่เคยเหนียมอายที่จะทำอะไร นั่นเป็นสภาพจิตใจที่ดี แต่คงมีแค่เบนที่ทำแบบนั้นได้
เพื่อร่วมมหาวิทยาลัยของเบนได้บอกกับ “เทเลกราฟ” ว่า เบนเป็นคนหยาบ ๆ และก็เป็นคนที่ขี้เล่น การกระทำบนเครื่องบินนั่นคือตัวตนของเบนอย่างแท้จริง
มุสตาฟา ชาวอียิปต์ได้ทำการจี้เครื่องบินลำนั้น ที่มีคนอยู่บนเครื่องทั้งหมด 62 ชีวิต หลังจากเครื่องบินเดินทางออกจากอเล็กซานเดรียได้ไม่นาน เพื่อเดินทางสู่ไคโร
ด้วยการอ้างว่าสวมใส่เข็มขัดระเบิด เขาได้สั่งให้เครื่องบินเปลี่ยนเส้นทางไปยังไซปรัส ซึ่งที่นั่นเขาได้จับผู้โดยสารและลูกเรือหลายคนเป็นตัวประกัน แล้วก็เรียกร้องอยากจะเจอเมียเก่าของเขา
ในท้ายที่สุด เขาได้ยอมจำนนต่อตำรวจต่อต้านก่อการร้าย โดยมีรายงานว่าเขาออกมาจากเครื่องบินโดยชูมือยอมแพ้
เจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศอียิปต์รายหนึ่งได้ระบุว่า มุสตาฟาไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย เขาเป็นแค่คนโง่ พวกผู้ก่อการร้ายมันบ้าแต่ไม่โง่ ส่วนนายคนนี้โง่บรมเลย