รอยเตอร์ - นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น ตั้งเป้าอันทะเยอทะยานในวันนี้ (30) ที่จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นสองเท่า รวมถึงจำนวนเงินที่พวกเขาใช้จ่ายในประเทศนี้ด้วยภายในปี 2020 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังซบเซา
นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในปลายปี 2012 คณะบริหารของอาเบะได้ผ่อนคลายข้อกำหนดวีซ่าสำหรับหลายประเทศในเอเชีย ซึ่งส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก การท่องเที่ยวที่เฟื่องฟู คือ หนึ่งในแสงสว่างไม่กี่จุดในวาระการปฏิรูปเชิงโครงสร้างของเขา
อาเบะกำลังหาทางเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ให้มากขึ้นจากการท่องเที่ยวขาเข้า ในขณะที่โตเกี่ยวกำลังเตรียมเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกในปี 2020 การดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้นอาจช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับการบริโภคภายในประเทศที่อ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง และจำนวนประชากรของญี่ปุ่นที่ลดลง
“ในวันนี้เราได้ตัดสินใจเรื่องทัศนวิสัยใหม่สำหรับการท่องเที่ยว” อาเบะ กล่าวภายหลังการประชุมกับคณะรัฐมนตรี
“การท่องเที่ยวคือ ส่วนสำคัญของยุทธศาสตร์การเติบโตทางเศรษฐกิจของเรา ของการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นต่าง ๆ และของเป้าหมายของเราที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศเป็น 600 ล้านล้านเยน”
อาเบะมีเป้าหมายที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยว 40 ล้านคน มายังแดนอาทิตย์อุทัย ซึ่งจะมากเป็น 2 เท่าของจำนวนนักท่องเที่ยวที่มายังญี่ปุ่นในปีที่แล้ว ถ้อยแถลงระบุ
ในปี 2015 นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงิน 3.5 ล้านล้านเยนในญี่ปุ่น และอาเบะต้องการให้ปริมาณการใช้จ่ายดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีกกว่าสองเท่าเป็น 8 ล้านล้านเยน ภายในปี 2020 ด้วยการผ่อนคลายข้อกำหนดวีซ่าเพิ่มขึ้นและพัฒนาการเข้าถึงด้วยเครื่องบิน
อาเบะยังพยายามจะโปรโมทสมบัติแห่งชาติและสวนสาธารณะของประเทศนี้ให้แขกจากต่างชาติรู้จักมากขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีเป้าหมายที่จะดึงดูดนักเที่ยวให้ได้ 60 ล้านคน และเงินจากการใช้จ่ายของนักเที่ยว 15 ล้านล้านเยน ภายในปี 2030 ถ้อยแถลงระบุ