เอเอฟพี - ฟิเดล คาสโตร อดีตผู้นำปฏิวัติคิวบา ออกมาเขียนบทความโจมตีผู้นำสหรัฐฯ หลังจากที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้เดินทางไปเยือนคิวบาครั้งประวัติศาสตร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยประกาศว่าเกาะสังคมนิยมแห่งนี้ไม่เคยต้องการของขวัญใด ๆ จาก “จักรวรรดิอเมริกา”
อดีตประธานาธิบดีนักปฏิวัติ ซึ่งมีท่าทีเฉยชาต่อการฟื้นสัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐฯ วิจารณ์คำกล่าวของ โอบามา ซึ่งเรียกร้องให้คิวบา “อภัยและปล่อยวาง” ความเป็นอริที่มีมานานกว่า 50 ปีตั้งแต่สมัยสงครามเย็น
“ใครที่ได้ฟังคำพูดของประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจจะหัวใจวายตาย” คาสโตร วัย 89 ปี เขียนไว้ในบทความ “Brother Obama” ซึ่งเผยแพร่ลงหนังสือพิมพ์ “แกรนมา” ของพรรคคอมมิวนิสต์คิวบา ซึ่งถือเป็นการแสดงความเห็นต่อสาธารณชนครั้งแรกต่อการมาเยือนของผู้นำแดนอินทรี
“คำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ จากผมก็คือ เขาสามารถคิดได้ แต่อย่าพยายามสร้างทฤษฎีเกี่ยวกับการเมืองของคิวบา”
คาสโตร เปลี่ยนคิวบาให้เป็นรัฐสังคมนิยมในปี 1959 ก่อนจะส่งมอบอำนาจต่อให้แก่ ราอูล คาสโตร ผู้เป็นน้องในปี 2006 เนื่องจากสุขภาพไม่เอื้ออำนวย
กำหนดการเยือนคิวบา 3 วันของโอบามา ถือเป็นครั้งแรกสำหรับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในรอบ 88 ปี และเป็นผลมาจากข้อตกลงฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่าง โอบามา กับประธานาธิบดี ราอูล คาสโตร ที่ประกาศออกมาเมื่อเดือน ธ.ค. ปี 2014 ซึ่งถือได้ว่าเป็นการสิ้นสุดความหมางเมินระหว่างทั้งสองชาติที่มีมานับตั้งแต่รัฐบาลของ ฟุลเคนเซียว บาติสตา ที่สหรัฐฯ หนุนหลังถูก ฟิเดล คาสโตร โค่นลงในปี 1959
โอบามา ซึ่งไม่มีโอกาสเข้าพบ ฟิเดล คาสโตร ได้ไปพูดคุยกับบรรดาแกนนำต่อต้านรัฐบาล และยังเรียกร้องให้คิวบาก้าวไปสู่ระบอบประชาธิปไตยและให้สิทธิเสรีภาพแก่พลเมืองมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นการท้าทายคำเตือนของฮาวานาที่ห้ามไม่ให้เขาก้าวก่ายกิจการภายในของรัฐคอมมิวนิสต์
“ประชาชนควรจะมีสิทธิ์เลือกตั้งรัฐบาลอย่างเสรี ตามแนวทางของระบอบประชาธิปไตย” โอบามา กล่าวในสุนทรพจน์ที่ถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ของทางการคิวบา
คาสโตร วิจารณ์ โอบามา ว่าใช้คำพูดหวานราวกับ “น้ำเชื่อม” พร้อมร่ายยาวถึงความสัมพันธ์ที่ขมขื่นระหว่างวอชิงตัน และฮาวานา รวมถึงความเจริญรุ่งเรืองที่เกิดขึ้นภายใต้การบริหารประเทศที่ยาวนานถึง 47 ปีของตน
“ไม่มีใครหลงคิดไปหรอกว่า พลเมืองของรัฐอันมีเกียรติและไร้ซึ่งความเห็นแก่ตัวอย่างคิวบาจะยอมละทิ้งความเจริญรุ่งเรือง สิทธิ และความร่ำรวยทางจิตวิญญาณที่เราได้มาจากการพัฒนาระบบการศึกษา วิทยาศาสตร์ และประเพณีวัฒนธรรม”
“ผมขอเตือนด้วยว่า เราสามารถผลิตอาหารและความร่ำรวยทางวัตถุที่เราจำเป็นต้องมีได้ด้วยแรงงานและสติปัญญาของชาวคิวบา เราไม่ต้องการของขวัญใด ๆ ทั้งสิ้นจากจักรวรรดิอเมริกา”
คาสโตร ยังอ้างถึงปัญหาการแบ่งแยกสีผิว โดยระบุว่า โอบามา “ไม่ได้พูดสักนิดว่าการปฏิวัติสังคมนิยมในคิวบาช่วยให้การเหยียดสีผิวหมดไปอย่างไร รัฐบาลได้รับรองสวัสดิการหลังเกษียณและค่าจ้างสำหรับพลเมืองคิวบาทุกคน ตั้งแต่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ยังอายุไม่ถึง 10 ขวบด้วยซ้ำ”
ตั้งแต่สละอำนาจให้ ราอูล ผู้น้องก้าวขึ้นปกครองประเทศ แทน ฟิเดล คาสโตร ใช้เวลาว่างส่วนหนึ่งไปกับการเขียนบทความแสดงวิสัยทัศน์ ซึ่งหลายชิ้นได้ตีพิมพ์ลงในสื่อของพรรคคอมมิวนิสต์คิวบา
เขาปรากฏตัวต่อสาธารณชนครั้งล่าสุดเมื่อเดือน ก.ค. ปี 2015