เอพี / เอเจนซีส์ / MGR online - รายงานล่าสุดซึ่งจัดทำโดยได้รับการสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุ ในปี 2015 ที่ผ่านมาถือเป็นขวบปีแรกในประวัติศาสตร์ที่บรรดาประเทศกำลังพัฒนามีสัดส่วนการลงทุนด้านการพัฒนา “พลังงานทางเลือก” สูงจนแซงหน้าประเทศที่พัฒนาแล้วได้เป็นครั้งแรก ขณะที่มูลค่าของการลงทุนเพื่อพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานหมุนเวียนรูปแบบอื่นๆ ทั่วโลกในปีที่แล้วพุ่งสูงแตะระดับ 286,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 10.1 ล้านล้านบาท)
รายงานดังกล่าวซึ่งจัดทำโดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (The United Nations Environment Program) และถูกเผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (24 มี.ค.) ระบุว่า พลังงานประเภทที่สามารถหมุนเวียนนำกลับมาใช้งานได้ใหม่ หรือพลังงานทดแทนมีสัดส่วนการลงทุนและพัฒนาในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาเพิ่มสูงขึ้น 19 เปอร์เซ็นต์ในปี 2015 เป็น 156,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 5.51 ล้านล้านบาท) ซึ่งในจำนวนนี้ราว 103,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 3.6 ล้านล้านบาท) เป็นการลงทุนโดยสาธารณรัฐประชาชนจีนเพียงประเทศเดียว
ในส่วนของชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองหมายเลขหนึ่งของโลกอย่างสหรัฐอเมริกานั้น ในรายงานฉบับล่าสุดระบุว่ามีสัดส่วนการลงทุนเพื่อพัฒนาพลังงานประเภทนี้เพิ่มสูงขึ้นราว 19 เปอร์เซ็นต์ เป็น 44,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.55 ล้านล้านบาท)
อย่างไรก็ดี โดยภาพรวมแล้วสัดส่วนการลงทุนเพื่อการพัฒนาพลังงานทางเลือกเหล่านี้ ในหมู่ประเทศที่พัฒนาแล้วกลับลดลง 8 เปอร์เซ็นต์เหลือเพียง 130,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 4.6 ล้านล้านบาท)
รายงานฉบับล่าสุดนี้ระบุว่า ถึงแม้ทั่วโลกจะมีการลงทุนพัฒนาพลังงานหมุนเวียนในระดับที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ทว่าพลังงานประเภทนี้ยังคงมีสัดส่วนการลงทุนที่ต่ำเตี้ยคิดเป็นเพียง 1 ใน 10 ของตลาดพลังงานโลกที่ยังคงทุ่มเทการลงทุนไปที่ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติเป็นสำคัญ
