(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
Chinese official rejects call for HK’s independence
BY AT EDITOR
17/03/2016
นิตยสารรายเดือนของนักศึกษามหาวิทยาลัยในฮ่องกง ตีพิมพ์บทความที่มีเนื้อหาเรียกร้องให้เขตบริหารพิเศษของจีนแห่งนี้ เป็นประเทศเอกราช ปรากฏว่าได้รับการประโคมต่อให้เอิกเกริกเกรียวกราวจากสื่อท้องถิ่นและสื่อตะวันตก ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับท็อปของจีนและฮ่องกงพากันออกมาบอกปัดปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงว่า เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ และเป็นแนวความคิดที่ไม่ต่างอะไรจากการฆ่าตัวตาย
เจ้าหน้าที่จีนระดับท็อปผู้หนึ่งออกมาบอกปัดปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง ต่อข้อเสนอแนะให้ฮ่องกงแยกตัวเป็นประเทศเอกราช ซึ่งปรากฏอยู่ในบทความชิ้นหนึ่งที่เผยแพร่ในสิ่งพิมพ์นักศึกษามหาวิทยาลัยฮ่องกง จากนั้นก็มีสื่อท้องถิ่นและสื่อตะวันตกนำไปประโคมต่อให้เอิกเกริกเกรียวกราว
ความเคลื่อนไหวเช่นนี้คือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ อีกทั้งยังขัดแย้งกับผลประโยชน์ของฮ่องกง เฉียว เสี่ยวหยาง (Qiao Xiaoyang) ประธานคณะกรรมาธิการกฎหมาย ของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ (chairman of National People’s Congress law committee) ซึ่งก็คือรัฐสภาจีน บอกกับพวกผู้สื่อข่าว ตอนที่การประชุมเต็มคณะของรัฐสภาที่จัดขึ้นปีละครั้งในกรุงปักกิ่ง กำลังใกล้จะปิดม่านยุติลง
บทความชิ้นนั้นซึ่งใช้ชื่อว่า “ปี 2047 ของเรา” (Our 2047) และปรากฏอยู่ในนิตยสารรายเดือน “อันเดอร์แกรด” (Undergrad) เมื่อวันอาทิตย์ (13 มี.ค.) ที่ผ่านมา บอกว่าฮ่องกงควรที่จะกลายเป็นประเทศเอกราชโดยที่มีรัฐบาลแบบประชาธิปไตย มีรัฐธรรมนูญของตนเอง และมีที่นั่งในสหประชาชาติ
ข้อเสนอเช่นนี้ถูกตอบโต้อย่างแรงจาก เหลียง เจิ้นอิง ผู้ว่าการฮ่องกง โดยเขากล่าวว่าฮ่องกงเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของประเทศจีนมานมนานแล้ว และจะยังคงเป็นเช่นนั้นต่อไปภายหลังปี 2047 ซึ่งเป็นช่วงสิ้นสุดของระยะเวลาที่จีนให้หลักประกันว่าฮ่องกงจะมี “อำนาจปกครองตนเองในระดับสูง” ในฐานะที่เป็นเขตบริหารพิเศษ
บรรดานักการเมืองท้องถิ่นต่างปฏิเสธไม่ยอมรับเสียงเรียกร้องเอกราชนี้เช่นเดียวกัน
เราควรที่จะขบคิดว่าทำอย่างไรจึงจะสามารถปรับปรุงยกระดับ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ซึ่งกำลังใช้อยู่ในฮ่องกง นี่จะมีประสิทธิภาพมากกว่าและเป็นหนทางที่สอดคล้องกับการปฏิบัติมากกว่า ของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย รัฐมนตรียุติธรรมของฮ่องกง ริมสกี้ เหยียน คว็อค-ควง (Rimsky Yuen Kwok-keung) กล่าวในเวทีประชุมนัดหนึ่งซึ่งจัดขึ้นที่นครเซี่ยงไฮ้
ขณะที่นักการเมืองฮ่องกงคนอื่นๆ ก็ออกมาพูดในทำนองเดียวกันว่า ฮ่องกงต้องเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนเรื่อยไป การขบคิดต้องการให้ฮ่องกงเป็นประเทศเอกราชนั้นคือการฆ่าตัวตายโดยแท้
อย่างไรก็ตาม มาร์คุส เหลา ยีชิง (Marcus Lau Yee-ching) อดีตบรรณาธิการของนิตยสาร “อันเดอร์แกรด” แสดงความคิดเห็นปกป้องบทความที่ก่อให้เกิดการโต้เถียงขัดแย้งกันชิ้นดังกล่าว เขาพูดกับนิตยสารไทม์ ที่มาสัมภาษณ์ว่า “ประชาชนต่างสูญเสียความเชื่อมั่นใน ‘หนึ่งประเทศ สองระบบ’ กันหมดแล้ว พวกเขาต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริง ... ประชาชนไม่ได้มองเห็นว่าพวกเขาเองเป็นคนจีน พวกเขามองพวกเขาเองว่าเป็นชาวฮ่องกง พวกเขาไม่ได้มีอะไรต่อเชื่อมโยงใยกับประเทศจีนนักหนา และพวกเขาก็ไม่ได้ร่วมมีอารมณ์ความรู้สึกชาตินิยมกับประเทศจีน” (ดูรายละเอียดได้ที่ http://time.com/4260624/hong-kong-university-students-independence-localism-separatists-undergrad/)
ทางด้าน ไมเคิล เดวิส (Michael Davis) อาจารย์ด้านนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮ่องกง ช่วยเสริมโหมกระพือว่า “เอกราช” กำลังเป็นประเด็นที่เติบโตขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ที่พวกเจ้าหน้าที่ครองอำนาจไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องให้ฮ่องกงมีอำนาจปกครองตนเองมากขึ้น
(รวบรวมจากรายงานของสำนักข่าวต่างๆ)
Chinese official rejects call for HK’s independence
BY AT EDITOR
17/03/2016
นิตยสารรายเดือนของนักศึกษามหาวิทยาลัยในฮ่องกง ตีพิมพ์บทความที่มีเนื้อหาเรียกร้องให้เขตบริหารพิเศษของจีนแห่งนี้ เป็นประเทศเอกราช ปรากฏว่าได้รับการประโคมต่อให้เอิกเกริกเกรียวกราวจากสื่อท้องถิ่นและสื่อตะวันตก ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับท็อปของจีนและฮ่องกงพากันออกมาบอกปัดปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงว่า เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ และเป็นแนวความคิดที่ไม่ต่างอะไรจากการฆ่าตัวตาย
เจ้าหน้าที่จีนระดับท็อปผู้หนึ่งออกมาบอกปัดปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง ต่อข้อเสนอแนะให้ฮ่องกงแยกตัวเป็นประเทศเอกราช ซึ่งปรากฏอยู่ในบทความชิ้นหนึ่งที่เผยแพร่ในสิ่งพิมพ์นักศึกษามหาวิทยาลัยฮ่องกง จากนั้นก็มีสื่อท้องถิ่นและสื่อตะวันตกนำไปประโคมต่อให้เอิกเกริกเกรียวกราว
ความเคลื่อนไหวเช่นนี้คือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ อีกทั้งยังขัดแย้งกับผลประโยชน์ของฮ่องกง เฉียว เสี่ยวหยาง (Qiao Xiaoyang) ประธานคณะกรรมาธิการกฎหมาย ของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ (chairman of National People’s Congress law committee) ซึ่งก็คือรัฐสภาจีน บอกกับพวกผู้สื่อข่าว ตอนที่การประชุมเต็มคณะของรัฐสภาที่จัดขึ้นปีละครั้งในกรุงปักกิ่ง กำลังใกล้จะปิดม่านยุติลง
บทความชิ้นนั้นซึ่งใช้ชื่อว่า “ปี 2047 ของเรา” (Our 2047) และปรากฏอยู่ในนิตยสารรายเดือน “อันเดอร์แกรด” (Undergrad) เมื่อวันอาทิตย์ (13 มี.ค.) ที่ผ่านมา บอกว่าฮ่องกงควรที่จะกลายเป็นประเทศเอกราชโดยที่มีรัฐบาลแบบประชาธิปไตย มีรัฐธรรมนูญของตนเอง และมีที่นั่งในสหประชาชาติ
ข้อเสนอเช่นนี้ถูกตอบโต้อย่างแรงจาก เหลียง เจิ้นอิง ผู้ว่าการฮ่องกง โดยเขากล่าวว่าฮ่องกงเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของประเทศจีนมานมนานแล้ว และจะยังคงเป็นเช่นนั้นต่อไปภายหลังปี 2047 ซึ่งเป็นช่วงสิ้นสุดของระยะเวลาที่จีนให้หลักประกันว่าฮ่องกงจะมี “อำนาจปกครองตนเองในระดับสูง” ในฐานะที่เป็นเขตบริหารพิเศษ
บรรดานักการเมืองท้องถิ่นต่างปฏิเสธไม่ยอมรับเสียงเรียกร้องเอกราชนี้เช่นเดียวกัน
เราควรที่จะขบคิดว่าทำอย่างไรจึงจะสามารถปรับปรุงยกระดับ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ซึ่งกำลังใช้อยู่ในฮ่องกง นี่จะมีประสิทธิภาพมากกว่าและเป็นหนทางที่สอดคล้องกับการปฏิบัติมากกว่า ของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย รัฐมนตรียุติธรรมของฮ่องกง ริมสกี้ เหยียน คว็อค-ควง (Rimsky Yuen Kwok-keung) กล่าวในเวทีประชุมนัดหนึ่งซึ่งจัดขึ้นที่นครเซี่ยงไฮ้
ขณะที่นักการเมืองฮ่องกงคนอื่นๆ ก็ออกมาพูดในทำนองเดียวกันว่า ฮ่องกงต้องเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนเรื่อยไป การขบคิดต้องการให้ฮ่องกงเป็นประเทศเอกราชนั้นคือการฆ่าตัวตายโดยแท้
อย่างไรก็ตาม มาร์คุส เหลา ยีชิง (Marcus Lau Yee-ching) อดีตบรรณาธิการของนิตยสาร “อันเดอร์แกรด” แสดงความคิดเห็นปกป้องบทความที่ก่อให้เกิดการโต้เถียงขัดแย้งกันชิ้นดังกล่าว เขาพูดกับนิตยสารไทม์ ที่มาสัมภาษณ์ว่า “ประชาชนต่างสูญเสียความเชื่อมั่นใน ‘หนึ่งประเทศ สองระบบ’ กันหมดแล้ว พวกเขาต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริง ... ประชาชนไม่ได้มองเห็นว่าพวกเขาเองเป็นคนจีน พวกเขามองพวกเขาเองว่าเป็นชาวฮ่องกง พวกเขาไม่ได้มีอะไรต่อเชื่อมโยงใยกับประเทศจีนนักหนา และพวกเขาก็ไม่ได้ร่วมมีอารมณ์ความรู้สึกชาตินิยมกับประเทศจีน” (ดูรายละเอียดได้ที่ http://time.com/4260624/hong-kong-university-students-independence-localism-separatists-undergrad/)
ทางด้าน ไมเคิล เดวิส (Michael Davis) อาจารย์ด้านนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮ่องกง ช่วยเสริมโหมกระพือว่า “เอกราช” กำลังเป็นประเด็นที่เติบโตขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ที่พวกเจ้าหน้าที่ครองอำนาจไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องให้ฮ่องกงมีอำนาจปกครองตนเองมากขึ้น
(รวบรวมจากรายงานของสำนักข่าวต่างๆ)
