เป็นเซเลบตัวจริงต้องจัดเต็มทั้งเสื้อผ้าหน้าผม ทุกครั้งที่ออกงานสังคม แต่เมื่อภาวะเศรษฐกิจตกต่ำแบบนี้ งานอีเวนต์ที่มีบางทีก็ลดน้อยถอยลง หรือบางงานก็ย่อส่วนจากงานบิ๊กบึ้มเป็นงานเบาๆ เอาแค่พอมีน้ำจิ้ม แล้วแบบนี้เหล่าไฮโซที่ต้องเต็มที่กับการออกงาน เขาต้องลดสเกลเครื่องเพชร เดรสสุดหรูลงมั้ย มาฟังความคิดเห็นของเหล่าไฮโซห่มเพชรกัน
เริ่มจาก เจ้าแม่ห่มเพชรตัวจริง ซูซี่-หทัยเทพ ธีระธาดา ออกตัวว่า ออกงานแต่ละครั้งต้องจัดเต็ม แถมเสื้อผ้าทุกชุดที่ใส่ออกงานแต่ละครั้งจะต้องไม่ให้ซ้ำกันด้วย เจ้าตัวเผยถึงวิธีการจัดการเสื้อผ้า เครื่องประดับเพื่อออกงานแต่ละครั้งว่า “ตัวเองเป็นคนเตรียมพร้อมเสมอค่ะ ไม่ชอบอะไรที่ฉุกละหุก แต่ละเดือนจึงสั่งตัดเสื้อผ้าไว้ให้พร้อม โดยเฉพาะ กับห้องเสื้อเจ้าประจำ อย่างตอนปีใหม่ก็ตัดเสื้อผ้าไปแล้วกว่า 20 ชุด คราวนี้เวลาเขาเชิญไปร่วมงาน ต้องแต่งธีมอะไร สีอะไร เราก็มีชุดที่พร้อมอยู่แล้ว และเครื่องประดับเราก็ซื้อไว้ตลอด จึงไม่พลาดที่จะจับมาแต่งคู่กัน”
นอกจากจะมีเสื้อผ้าพร้อมออกงานแล้ว เจ้าตัวยังมีเสื้อผ้าทุกประเภททุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นเดรสผ้าลูกไม้ หรือแม้แต่เดรสที่ทำจากผ้าพันคอ ซึ่งแต่ละชุดสนนราคาแพงลิบจนถึงหลักแสน “จริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าต้องเป็นเสื้อผ้าที่แพงมาก แต่ด้วยความที่เราเป็นคนกล้า จึงมั่นใจหากจะต้องแต่งตัวแปลกๆ อย่างชุดผ้าพันคอของแบรนด์ผักกาด ซึ่งทุกคนไม่กล้าใส่ เราก็ใส่ไปเดินที่ฝรั่งเศส ทุกคนเห็นก็ชม ส่วนตัวจึงคิดว่าการแต่งตัวไม่ว่าจะออกงานหรือใส่ในชีวิตประจำวัน เราต้องมีความมั่นใจในตัวเอง แล้วภาพที่ออกมาจะสวยค่ะ”
ด้านไฮโซรุ่นเก๋า แม่อุ๊-มณฑ์ลัชชา สกุลไทย เผยว่า ปกติหากไม่ปฏิเสธงานก็ต้องออกงานทุกวันคงไม่ไหว ตอนนี้ก็เลือกรับงานกับเพื่อนๆ ที่รู้จัก ไปเป็นเกียรติให้เขา ซึ่งไปงานแต่ละครั้งก็ต้องเลือกเสื้อผ้าให้เข้ากับธีมงานที่เขากำหนด “พี่แต่งหน้าเองทุกครั้ง ทรงผมก็เป็นบ๊อบแสกกลาง และไฮไลต์ที่สุดคงเป็นเสื้อผ้าที่ใส่ออกงานแต่ละครั้ง ออกงานบ่อย แต่ไม่ใช่ว่าต้องซื้อเสื้อผ้าทุกครั้งที่ออกงาน ก็จะนำเสื้อผ้าเก่าที่มีอยู่มามิกซ์แอนด์แมตช์กันใหม่ เพราะส่วนตัวจะใส่เสื้อผ้าสีเข้ม จึงง่ายที่จะปรับแต่งเสื้อผ้าให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา”
เสื้อผ้าที่ใส่ออกงานแต่ละครั้ง แม่อุ๊เผยว่า ถ้าเป็นแบรนด์ประจำจัดงานก็จะให้เกียรติเลือกสวมเสื้อผ้าแบรนด์ของเขา แต่ปกติจะตัดเสื้อผ้าใส่เอง เพราะตัวเองเป็นคนหุ่นพิเศษมากๆ “โชคดีที่มือ หน้า แขนขาเล็ก จึงมีลุคที่เป็นคนตัวเล็ก แต่เป็นคนที่ท่อนบนสั้นแต่ขายาว แถมให้วัดรอบเอวแล้วกล้าบอกเลยว่า เอว 34 นิ้ว เสื้อผ้าที่ใส่จึงจะไม่เน้นสัดส่วน จะเป็นเสื้อผ้าตัวโคร่งๆ และเวลาออกงานแต่ละครั้งก็จะประดับเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ ไม่ชอบใส่ชิ้นใหญ่ๆ ค่ะ” ส่วนงานจะเล็กจะใหญ่นั้น ไม่เกี่ยวกับคอสตูม เพราะแม่อุ๊บอกว่า ต้องจัดเต็มเสมอคร่า
ตามมาด้วยเจ้าแม่อีเวนต์รุ่นเก๋า ป้าต้อย-วันเพ็ญ เจิมประไพ ที่ออกงานแต่ละครั้งต้องไม่ขาดเครื่องประดับเพชรชิ้นสวย ส่วนเสื้อผ้าก็ไม่ให้พลาดกับธีมของงาน “ส่วนใหญ่จะไปร่วมงานสังคมต่างๆ และงานของเพื่อนฝูงที่เขาจัดขึ้นเพื่อสังคม ธีมงานลิเก ธีมงานวัด เราก็ต้องจัดเต็มเสื้อผ้าให้ครบ ดังนั้น เสื้อผ้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นเดรสฟู่ฟ่า ชุดผ้าไหมหรูๆ ที่บ้านจึงมีเสื้อผ้าเยอะมาก จึงใช้วิธีวนเอากลับมาใส่ใหม่ เพราะบางตัวใส่แค่ครั้งเดียว แถมหุ่นเราก็คงที่ตลอด จึงใส่เสื้อผ้าชุดเก่าๆ ได้ ส่วนจะเอาชุดเก่าๆ ที่ไม่ได้ใช้แล้วให้เด็กๆ ที่บ้าน พวกเขาก็ตกใจเพราะไม่รู้จะใส่ไปไหน จึงใช้วิธีวนใส่ค่ะ”
ส่วนอีเวนต์ปีนี้อาจจะเห็นป้าต้อยออกงานน้อยลง เพราะจะเลือกไปให้เฉพาะงานของคนสนิทและรู้จักเท่านั้น
ปิดท้ายที่เซเลบสาวร่างเล็ก สาวจุ๋ย-จรสพรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา สาวสังคมที่ออกงานเป็นประจำ ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม แต่งตัวให้เข้ากับเดรสโค้ดของงาน “ส่วนใหญ่จะพยายามไม่ใส่ชุดเดียวกันออกงานในเดือนเดียวกัน เพราะบางทีลงนิตยสารรายเดือนมีสองงานที่มีรูปเราใส่ชุดเดิมก็จะน่าเกลียด จึงพยายามเลือกเสื้อผ้าให้ไม่ซ้ำภายในสองเดือนค่ะ และจะใช้วิธียืมแบรนด์เนมที่เรารู้จักและสนิทใส่ ซึ่งเราก็ได้ช่วยพรีเซนต์เสื้อผ้าของเขาด้วย หากเป็นงานแฟชั่นโชว์ แบรนด์นั้นๆ ก็จะส่งเสื้อผ้าให้เราใส่ไปร่วมงาน ซึ่งเซเลบรุ่นใหม่ๆ ก็จะใช้วิธีนี้ ส่วนเครื่องประดับก็ต้องแบรนด์ของจุ๋ยเองค่ะ ใส่ออกงานตลอด ดังนั้น ส่วนตัวจึงไม่มีปัญหาเรื่องการแต่งตัวไปร่วมงาน เพราะหากต้องซื้อเสื้อผ้าใส่ไปงานก็ต้องไม่ให้เกินกำลังของเราค่ะ”
เห็นออกงานบ่อยๆ แต่ปีนี้ เจ้าแม่อีเวนต์อย่างสาวจุ๋ยก็เลือกออกงานแล้ว โดยเฉพาะ งานครึกครื้นฝูงชนล้นงาน รับรองไม่ได้เจอจุ๋ยแน่ๆ!
เริ่มจาก เจ้าแม่ห่มเพชรตัวจริง ซูซี่-หทัยเทพ ธีระธาดา ออกตัวว่า ออกงานแต่ละครั้งต้องจัดเต็ม แถมเสื้อผ้าทุกชุดที่ใส่ออกงานแต่ละครั้งจะต้องไม่ให้ซ้ำกันด้วย เจ้าตัวเผยถึงวิธีการจัดการเสื้อผ้า เครื่องประดับเพื่อออกงานแต่ละครั้งว่า “ตัวเองเป็นคนเตรียมพร้อมเสมอค่ะ ไม่ชอบอะไรที่ฉุกละหุก แต่ละเดือนจึงสั่งตัดเสื้อผ้าไว้ให้พร้อม โดยเฉพาะ กับห้องเสื้อเจ้าประจำ อย่างตอนปีใหม่ก็ตัดเสื้อผ้าไปแล้วกว่า 20 ชุด คราวนี้เวลาเขาเชิญไปร่วมงาน ต้องแต่งธีมอะไร สีอะไร เราก็มีชุดที่พร้อมอยู่แล้ว และเครื่องประดับเราก็ซื้อไว้ตลอด จึงไม่พลาดที่จะจับมาแต่งคู่กัน”
นอกจากจะมีเสื้อผ้าพร้อมออกงานแล้ว เจ้าตัวยังมีเสื้อผ้าทุกประเภททุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นเดรสผ้าลูกไม้ หรือแม้แต่เดรสที่ทำจากผ้าพันคอ ซึ่งแต่ละชุดสนนราคาแพงลิบจนถึงหลักแสน “จริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าต้องเป็นเสื้อผ้าที่แพงมาก แต่ด้วยความที่เราเป็นคนกล้า จึงมั่นใจหากจะต้องแต่งตัวแปลกๆ อย่างชุดผ้าพันคอของแบรนด์ผักกาด ซึ่งทุกคนไม่กล้าใส่ เราก็ใส่ไปเดินที่ฝรั่งเศส ทุกคนเห็นก็ชม ส่วนตัวจึงคิดว่าการแต่งตัวไม่ว่าจะออกงานหรือใส่ในชีวิตประจำวัน เราต้องมีความมั่นใจในตัวเอง แล้วภาพที่ออกมาจะสวยค่ะ”
ด้านไฮโซรุ่นเก๋า แม่อุ๊-มณฑ์ลัชชา สกุลไทย เผยว่า ปกติหากไม่ปฏิเสธงานก็ต้องออกงานทุกวันคงไม่ไหว ตอนนี้ก็เลือกรับงานกับเพื่อนๆ ที่รู้จัก ไปเป็นเกียรติให้เขา ซึ่งไปงานแต่ละครั้งก็ต้องเลือกเสื้อผ้าให้เข้ากับธีมงานที่เขากำหนด “พี่แต่งหน้าเองทุกครั้ง ทรงผมก็เป็นบ๊อบแสกกลาง และไฮไลต์ที่สุดคงเป็นเสื้อผ้าที่ใส่ออกงานแต่ละครั้ง ออกงานบ่อย แต่ไม่ใช่ว่าต้องซื้อเสื้อผ้าทุกครั้งที่ออกงาน ก็จะนำเสื้อผ้าเก่าที่มีอยู่มามิกซ์แอนด์แมตช์กันใหม่ เพราะส่วนตัวจะใส่เสื้อผ้าสีเข้ม จึงง่ายที่จะปรับแต่งเสื้อผ้าให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา”
เสื้อผ้าที่ใส่ออกงานแต่ละครั้ง แม่อุ๊เผยว่า ถ้าเป็นแบรนด์ประจำจัดงานก็จะให้เกียรติเลือกสวมเสื้อผ้าแบรนด์ของเขา แต่ปกติจะตัดเสื้อผ้าใส่เอง เพราะตัวเองเป็นคนหุ่นพิเศษมากๆ “โชคดีที่มือ หน้า แขนขาเล็ก จึงมีลุคที่เป็นคนตัวเล็ก แต่เป็นคนที่ท่อนบนสั้นแต่ขายาว แถมให้วัดรอบเอวแล้วกล้าบอกเลยว่า เอว 34 นิ้ว เสื้อผ้าที่ใส่จึงจะไม่เน้นสัดส่วน จะเป็นเสื้อผ้าตัวโคร่งๆ และเวลาออกงานแต่ละครั้งก็จะประดับเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ ไม่ชอบใส่ชิ้นใหญ่ๆ ค่ะ” ส่วนงานจะเล็กจะใหญ่นั้น ไม่เกี่ยวกับคอสตูม เพราะแม่อุ๊บอกว่า ต้องจัดเต็มเสมอคร่า
ตามมาด้วยเจ้าแม่อีเวนต์รุ่นเก๋า ป้าต้อย-วันเพ็ญ เจิมประไพ ที่ออกงานแต่ละครั้งต้องไม่ขาดเครื่องประดับเพชรชิ้นสวย ส่วนเสื้อผ้าก็ไม่ให้พลาดกับธีมของงาน “ส่วนใหญ่จะไปร่วมงานสังคมต่างๆ และงานของเพื่อนฝูงที่เขาจัดขึ้นเพื่อสังคม ธีมงานลิเก ธีมงานวัด เราก็ต้องจัดเต็มเสื้อผ้าให้ครบ ดังนั้น เสื้อผ้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นเดรสฟู่ฟ่า ชุดผ้าไหมหรูๆ ที่บ้านจึงมีเสื้อผ้าเยอะมาก จึงใช้วิธีวนเอากลับมาใส่ใหม่ เพราะบางตัวใส่แค่ครั้งเดียว แถมหุ่นเราก็คงที่ตลอด จึงใส่เสื้อผ้าชุดเก่าๆ ได้ ส่วนจะเอาชุดเก่าๆ ที่ไม่ได้ใช้แล้วให้เด็กๆ ที่บ้าน พวกเขาก็ตกใจเพราะไม่รู้จะใส่ไปไหน จึงใช้วิธีวนใส่ค่ะ”
ส่วนอีเวนต์ปีนี้อาจจะเห็นป้าต้อยออกงานน้อยลง เพราะจะเลือกไปให้เฉพาะงานของคนสนิทและรู้จักเท่านั้น
ปิดท้ายที่เซเลบสาวร่างเล็ก สาวจุ๋ย-จรสพรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา สาวสังคมที่ออกงานเป็นประจำ ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม แต่งตัวให้เข้ากับเดรสโค้ดของงาน “ส่วนใหญ่จะพยายามไม่ใส่ชุดเดียวกันออกงานในเดือนเดียวกัน เพราะบางทีลงนิตยสารรายเดือนมีสองงานที่มีรูปเราใส่ชุดเดิมก็จะน่าเกลียด จึงพยายามเลือกเสื้อผ้าให้ไม่ซ้ำภายในสองเดือนค่ะ และจะใช้วิธียืมแบรนด์เนมที่เรารู้จักและสนิทใส่ ซึ่งเราก็ได้ช่วยพรีเซนต์เสื้อผ้าของเขาด้วย หากเป็นงานแฟชั่นโชว์ แบรนด์นั้นๆ ก็จะส่งเสื้อผ้าให้เราใส่ไปร่วมงาน ซึ่งเซเลบรุ่นใหม่ๆ ก็จะใช้วิธีนี้ ส่วนเครื่องประดับก็ต้องแบรนด์ของจุ๋ยเองค่ะ ใส่ออกงานตลอด ดังนั้น ส่วนตัวจึงไม่มีปัญหาเรื่องการแต่งตัวไปร่วมงาน เพราะหากต้องซื้อเสื้อผ้าใส่ไปงานก็ต้องไม่ให้เกินกำลังของเราค่ะ”
เห็นออกงานบ่อยๆ แต่ปีนี้ เจ้าแม่อีเวนต์อย่างสาวจุ๋ยก็เลือกออกงานแล้ว โดยเฉพาะ งานครึกครื้นฝูงชนล้นงาน รับรองไม่ได้เจอจุ๋ยแน่ๆ!