รอยเตอร์ - คลิปวิดีโอคลิปหนึ่งที่ถูกเผยแพร่ออกมาในวันนี้ (17) เผยให้เห็นชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่นที่หายตัวไปและถูกรายงานว่าถูกจับโดยเครือข่ายอัลกออิดะห์ในซีเรียกำลังอ่านข้อความถึงครอบครัวและประเทศของเขา
“สวัสดี ผมคือ จุมเปย์ ยาสุดะ วันนี้วันที่ 16 มีนาคมเป็นวันเกิดของผม” ชายมีหนวดเคราที่ดูเหมือนจะเป็นผู้สื่อข่าวอิสระชาวญี่ปุ่นรายดังกล่าว กล่าวในคลิปวิดีโอนี้ที่ถูกโพสต์บนเฟซบุ๊ก
ชายคนนี้ซึ่งนั่งที่โต๊ะหน้ากำแพงสีขาวกล่าวว่า เขาคิดถึงครอบครัวของเขาแต่ไม่อาจอยู่กับพวกเขาได้ ชายคนนี้ซึ่งใส่เสื้อกันหนาวสีดำและผูกผ้าพันคอ ดูใจเย็นอย่างมากในขณะที่เขาพูดเป็นภาษาอังกฤษในคลิปวิดีโอความยาว 1 นาทีนี้
สื่อแดนอาทิตย์อุทัยระบุว่า ยาสุดะถูกกลุ่มอัลนุสราฟรอนท์จับตัวหลังจากเข้าไปยังซีเรียจากตุรกีเมื่อเดือนมิถุนายน สถานีวิทยุและโทรทัศน์สาธารณะเอ็นเอชเครายงานว่า พวกเขาได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับชายผู้โพสต์คลิปวิดีโอนี้ ซึ่งกล่าวว่า เขาได้รับมันมาจากใครบางคนที่กำลังหาทางให้ยาสุดะถูกปล่อยตัว
ฟูมิโอะ คิชิดะ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศบอกกับผู้สื่อข่าวว่า รัฐบาลทราบเรื่องคลิปวิดีโอดังกล่าวแล้ว และกำลังรวบรวมและวิเคราะห์ข่าวกรองเพื่อวางแผนการตอบสนอง “ความปลอดภัยของพลเมืองญี่ปุ่นคือหน้าที่ที่สำคัญของรัฐบาล ดังนั้นเราจึงกำลังพยายามใช้เครือข่ายข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อตอบสนอง” คิชิดะกล่าว
รอยเตอร์ไม่สามารถพิสูจน์ยืนยันคลิปวิดีโอดังกล่าวได้ และไม่สามารถติดต่อครอบครัวของยาสุดะได้
ชายในคลิปวิดีโอนี้ไม่ได้ให้ข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับคนที่ขังเขาไว้หรือข้อเรียกร้องจากพวกเขา เขากล่าวว่า “พวกเขา” ให้ผมพูดในสิ่งที่อยากจะพูด
เขากล่าวว่า เขาหวังว่าจะได้กอดภรรยา พ่อ แม่ และพี่ชายของเขาอีกครั้งหนึ่ง และพูดต่อว่า “ผมมีบางอย่างต้องพูดกับประเทศของผม เมื่อคุณนั่งอยู่ที่นั่น ไม่ว่าคุณอยู่ที่ไหนก็ตาม ในห้องมืด ทนทรมานกับความเจ็บปวด ยังคงไม่มีผู้ใด ไม่มีเสียงตอบรับ คุณไม่มีตัวตน”
ในเดือนธันวาคม องค์การผู้สื่อข่าวไร้แดนเพิกถอนและขออภัยสำหรับรายงานของพวกเขาที่ว่า ยาสุดะถูกขู่ประหารชีวิตในซีเรีย รัฐบาลระบุว่าในเวลานั้นพวกเขากำลังพยายามค้นหาข้อมูล
เมื่อต้นปีที่แล้วกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้ตัดศีรษะชาวญี่ปุ่น 2 คน คนหนึ่งเป็นเจ้าของบริษัทที่ปรึกษาด้านความมั่นคง และอีกคนเป็นผู้สื่อข่าวสงครามระดับมืออาชีพ การประหารชีวิตอย่างเหี้ยมโหดครั้งนั้นตกเป็นที่สนใจของชาวญี่ปุ่นทั่วประเทศแต่รัฐบาลระบุในเวลานั้นว่าพวกเขาจะไม่เจรจากับกลุ่มไอเอสเพื่อขอปล่อยตัวพวกเขา