เกาหลีระอุหนัก! ผู้นำคิมสั่งกองทัพเดินหน้าทดสอบ “หัวรบนิวเคลียร์ย่อส่วน”

เอเอฟพี - ผู้นำเกาหลีเหนือมีคำสั่งให้กองทัพเดินหน้าทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ต่อไป โดยคราวนี้จะใช้ “หัวรบย่อส่วน” ที่เปียงยางอ้างว่านักวิทยาศาสตร์โสมแดงสามารถพัฒนาได้สำเร็จแล้ว สื่อเกาหลีเหนือรายงานวันนี้ (11 มี.ค.)

สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนือ รายงานว่า ระหว่างชมการยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ 2 ลูกเมื่อวานนี้ (10) ผู้นำ คิม จอง อึน ได้ย้ำถึงความจำเป็นที่ “จะต้องทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ต่อไปอีก เพื่อประเมินอำนาจทำลายล้างของหัวรบนิวเคลียร์ที่เพิ่งผลิตขึ้นใหม่”

เมื่อวันพุธ(9) สื่อโสมแดงได้แพร่ภาพผู้นำคิมขณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมการทำงานของช่างเทคนิคนิวเคลียร์ และได้ยืนอยู่ข้างๆ สิ่งที่โสมแดงอ้างว่าเป็นหัวรบนิวเคลียร์ย่อส่วน (miniaturised nuclear warhead)

คิม อ้างว่า นักวิทยาศาสตร์ของเขาค้นพบวิธีย่อส่วนหัวรบนิวเคลียร์จนนำไปติดตั้งบนขีปนาวุธได้แล้ว ซึ่งหากโสมแดงทำได้อย่างที่ว่าจริง ก็จะเป็นภัยคุกคามร้ายแรงสำหรับเกาหลีใต้ ตลอดจนประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค หรือแม้กระทั่งแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ

เคซีเอ็นเอ รายงานว่า ขีปนาวุธพิสัยใกล้ 2 ลูกที่เกาหลีเหนือยิงเมื่อวันพฤหัสบดี (10) พุ่งข้ามดินแดนฝั่งตะวันออกไปตกในทะเลญี่ปุ่น โดยเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกซ้อมเพื่อเตรียมใช้อาวุธนิวเคลียร์สกัดกั้นการรุกรานของศัตรู

เคซีเอ็นเอ ระบุว่า การยิงขีปนาวุธครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อจำลอง “การระเบิดของหัวรบนิวเคลียร์ที่ระดับความสูงเหนือท่าเรือเป้าหมายซึ่งถูกยึดครองโดยกองกำลังศัตรูต่างชาติ”

ระหว่างที่ชมการยิงจรวดอยู่นั้น ผู้นำคิมได้ย้ำคำขู่ว่า เกาหลีเหนือพร้อมนำอาวุธนิวเคลียร์ออกมาโจมตีก่อนทุกเมื่อ หากการซ้อมรบระหว่างวอชิงตันและโซล "เป็นอันตรายแก่ต้นไม้หรือใบหญ้าบนแผ่นดินเกาหลีเหนือแม้แต่ต้นเดียว”

“ผมจะมีคำสั่งให้ใช้มาตรการโจมตีทุกรูปแบบ” คิม กล่าว

สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีเริ่มร้อนระอุหนัก หลังจากเกาหลีเหนือเดินหน้าทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 ไปเมื่อวันที่ 6 ม.ค. ติดตามมาด้วยการยิงดาวเทียมสู่อวกาศเมื่อเดือนที่แล้ว

คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ออกมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่เพื่อบีบคั้นเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือให้หนักยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งเปียงยางก็ประณามบทลงโทษของยูเอ็นว่า เป็นการกระทำเยี่ยง “อันธพาล” ที่สหรัฐฯ บงการอยู่เบื้องหลัง

เมื่อวานนี้ (10) เลขาธิการสหประชาชาติ บัน คี มุน ได้ออกมาแสดงความเป็นห่วงอย่างยิ่งต่อความตึงเครียดที่เกิดขึ้น พร้อมเรียกร้องให้เกาหลีเหนือหยุดทำสิ่งใดๆ ก็ตามที่จะบั่นทอนสันติภาพ รวมไปถึงการยิงขีปนาวุธด้วย