บีบีซี - ชุมชนห่างไกลแห่งหนึ่งของออสเตรเลียกำลังตกอยู่ในความช็อก และสนับสนุนหน่วยงานต่างๆ เข้าค้นหาคำตอบของเหตุฆ่าตัวตายของเด็กหญิงพื้นเมืองอายุแค่ 10 ขวบ ซึ่งถือเป็นรายที่ 19 แล้วที่ปลิดชีพตนเองในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย นับตั้งแต่เดือนธันวาคม
ศพของเด็กหญิงถูกพบที่เมืองลูมาในเขตคิมเบอร์ลีย์ เมื่อวันอาทิตย์ (6 มี.ค.) ขณะที่ตำรวจยอมรับว่าการเสียชีวิตของหนูน้อยที่น่ารักรายนี้ สร้างความสะเทือนใจแก่ชาวบ้านท้องถิ่นเป็นอย่างมาก
นายตำรวจอาวุโสเนวิลล์ ริป ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนออสเตรเลีย ว่า “มันเป็นอะไรที่ไม่คาดคิดมาก่อนโดยสิ้นเชิง มันสั่นสะเทือนสังคมอย่างยิ่ง” ขณะที่เหล่าเจ้าหน้าที่ระบุว่าชีวิตของเด็กหญิงรายนี้ด่างพร้อยจากความบอบช้ำและเรื่องเศร้า
“เธอเป็นพยานการฆ่าตัวตายของสมาชิกในครอบครัวคนใกล้ชิดคนอื่น ๆ แต่มันเป็นอะไรที่ฉันไม่สามารถให้รายละเอียดเพิ่มเติมได้” เฮเลน มอร์ตอน รัฐมนตรีพิทักษ์สิทธิเด็กของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียบอกกับสื่อท้องถิ่น “แต่สภาวะแวดล้อมของเด็กหญิงรายนี้และระดับความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานสะสมที่เธอต้องประสบในช่วงชีวิตอันสั้นช่างหนักหนายิ่ง”
รายงานข่าวรบุว่า พ่อแม่ของเด็กพักอาศัยอยู่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร และเมื่อเร็ว ๆ นี้ เธอเพิ่งย้ายไปอาศัยอยู่กับญาติ ๆ ตามหลังการเสียชีวิตของพี่สาว
แกร์รี กอร์ตาตอส นักวิจัยด้านป้องกันการฆ่าตัวตาย บอกกับบีบีซี ว่า เด็กหญิงพื้นเมืองออสเตรเลียอายุตั้งแต่ 14 ปีลงไป มีแนวโน้มพิจารณาฆ่าตัวตายมากกว่าพลเมืองทั่วไปถึง 9 เท่า “คดีนี้ยังไม่ใช่เด็กอายุน้อยที่สุดที่ผมเคยพบเห็นมา มันน่าเศร้าและเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมากที่บางคนจะปลิดชีวิตตนเองเร็วขนาดนี้”
ไนเจล ชูลเลียน รัฐมนตรีกิจการชนพื้นเมือง เผยว่าเขารู้สึกเศร้าใจอย่างยิ่งหลังได้รับข่าวเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายดังกล่าว โดยทางโฆษกระบุในถ้อยแถลงว่า “มันทำให้เขาเพิ่มความตั้งใจมากขึ้นในการทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อป้องกันการฆ่าตัวตายและความโศกเศร้าที่มันได้ก่อแก่ครอบครัวและชุมชน”
มีรายงานว่า ทางรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียกำลังวางแผนเข้าสืบสวนกรณีต้องสงสัยฆ่าตัวตายต่าง ๆ ทั้งในเขตฟิลบาร์ราและคิมเบอร์ลีย์